“พิพัฒน์” ชวนเอ็กซ์แพทเที่ยวอีสานเหนือ จากแนวความคิดเชิญชวนชาวต่างชาติที่พำนักระยะยาวหรือทำงานอยู่ในประเทศไทย (Expat) ให้ออกมาเดินทางท่องเที่ยวภายใต้แคมเปญ Explore the Unseen Thailand หรือ “เรารู้จักกันดีพอหรือยัง” ของนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ส่งผลให้เกิดการบูรณาการร่วมกันในหน่วยงานด้านการท่องเที่ยว นำเสนอแหล่งท่องเที่ยวที่พร้อมจะนำเสนอให้ชาวต่างชาติที่เป็นกลุ่มเป้าหมายได้รับรู้และปักหมุดเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยว ทั้งแบบระยะไกลและระยะใกล้ภายในพื้นที่เชื่อมโยงระหว่างจังหวัด
ผลสำเร็จจากการนำเสนอแหล่งท่องเที่ยว Unseen ใน 6 เส้นทางท่องเที่ยวบางกะเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ ทำให้เกิดการรับรู้และบอกต่อกันในกลุ่มเอ็กซ์แพท จึงเป็นที่มาของการกำหนดเดินทางลงพื้นที่จังหวัดเลย เชิญชวนเอ็กซ์แพทที่อยู่ในพื้นที่อีสานเหนือ ได้รู้จักและสัมผัสแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมของอำเภอเชียงคาน
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ในการลงพื้นที่ระหว่างวันที่ 10-11 ตุลาคม 2563 เพื่อตรวจเยี่ยมผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานในกำกับดูแล ได้แก่ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือ อพท. สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จึงใช้โอกาสนี้เชิญชวนชาวต่างชาติที่พำนักในประเทศไทย ในพื้นที่อีสานเหนือ ร่วมสัมผัสความงดงามทางด้านวัฒนธรรมของอำเภอเชียงคาน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ อพท. พัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืน และล่าสุดเทศบาลตำบลเชียงคานยังได้รับการจัดอันดับบรรจุเข้าเป็น 100 แหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนโลกประจำปี 2563 จากผู้จัดงาน ITB ซึ่งเป็นงานส่งเสริมการท่องเที่ยวระดับโลก
“เราต้องการสร้างกระแสการรับรู้เชิงการตลาดสินค้าทางการท่องเที่ยวของไทยในแง่มุมที่หลายคนโดยเฉพาะชาวต่างชาติที่พำนักในประเทศไทย ยังไม่เคยรู้ไม่เคยเข้าไปสัมผัส ให้ได้เกิดการรับรู้ และนำเพื่อนหรือครอบครัวไปเที่ยว เพราะต้องยอมรับว่าเอ็กซ์แพทในประเทศไทยมีจำนวนมากและคนกลุ่มนี้ปัจจุบันก็ไม่สามารถเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศได้เช่นกัน ฉะนั้นจึงเป็นโอกาสที่เราจะนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวที่คนกลุ่มนี้ซึ่งมีกำลังซื้อให้ได้เกิดการรับรู้”
ทั้งนี้จำนวนเอ็กซ์แพทภาพรวมของทั้งประเทศมีจำนวนประมาณ 2 ล้านคน ในที่นี้ 10% หรือราว 2 แสนคน พำนักและทำงานอยู่ในแถบพื้นที่อีสานตอนบน อาทิ จังหวัดเลย หนองบัวลำภู หนองคาย อุดรธานี บึงกาฬ และนครพนม ซึ่งประกอบอาชีพที่หลากหลาย เช่น นักธุรกิจ ครู/อาจารย์ กลุ่มอาสาสมัคร และผู้ที่มีภรรยาและครอบครัวในแถบจังหวัดลุ่มน้ำโขง ทั้งหมดมีทั้งเงินเดือน และมีรายได้จากรัฐสวัสดิการจากประเทศของตนเอง จึงมีกำลังซื้อที่จะเดินทางท่องเที่ยวระดับคุณภาพ และเป็นการท่องเที่ยวที่ได้เรียนรู้และสัมผัสวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของคนไทยตามที่เขาชื่นชอบ
ดร.ชูวิทย์ มิตรชอบ รักษาการแทนผู้อำนวยการ อพท. กล่าวว่า อพท. โดยสำนักงานพื้นที่พิเศษ 5 (อพท.5) ได้เตรียมกิจกรรมการท่องเที่ยว นำเสนอความสมบูรณ์ทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชุมชนในเทศบาลตำบลเชียงคาน ชุมชนบ้านไทดำ และลานวัฒนธรรม ไว้ต้อนรับการมาเยือนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกลุ่มเอ็กซ์แพท
สำหรับชุมชนไทดำเป็นชุมชนที่ต่อเนื่องจากถนนคนเดินเชียงคาน มีวิถีชีวิตเป็นอัตลักษณ์ที่โดดเด่น อพท. จึงนำเกณฑ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก หรือ GSTC และเกณฑ์การท่องเที่ยวโดยชุมชน หรือ CBT Thailand เข้าไปอบรมและพัฒนาชุมชนให้ได้เรียนรู้ และเป็นแนวทางในการปฏิบัติ
อย่างไรก็ตาม อพท. ได้เตรียมความพร้อมและดำเนินการขยายพื้นที่การพัฒนาสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืน เพื่อเพิ่มศักยภาพการรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเติบโตต่อไปในอนาคต ซึ่งสืบเนื่องมาจากจังหวัดเลยได้สร้างแลนด์มาร์คแห่งใหม่ “สกายวอร์ค” ให้เป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวที่ต้องมาสัมผัสความงดงาม ดังนั้นการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นจากนี้ต่อไปชุมชนจะต้องได้รับประโยชน์ด้วยเช่นกัน จึงจำเป็นที่จะต้องมีการจัดการที่ดี และมีพื้นที่นำเสนอกิจกรรมหรือสินค้าทางการท่องเที่ยวที่เป็นอัตลักษณ์ การท่องเที่ยวจึงจะเกิดความความยั่งยืนอย่างแท้จริง