ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก50ปี เจ้าของสวนยาง จ.ชุมพร จ่ายค่าเสียหาย7แสน ฐานอนาจาร ข่มขืนเด็กหญิง3คนและเด็กชาย1คน ต่อเนื่องยาวนานหลายปี เป็นข่าวดังช่วงปลายเดือนเมษายน2562
นายชูวิทย์ จันทรส เลขาธิการมูลนิธิเด็ก เยาวชนและครอบครัว กล่าวว่า จากข่าวเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2562 กรณีเด็กในครอบครัวชาวบ้านพื้นที่ อ.หลังสวน ถูกอดีตเจ้าของสวนยางก่อเหตุข่มขืน อนาจาร ถึง4คน มานานหลายปี โดยเด็กหญิง3คน ในขณะนั้นอายุ14 ปี 7ขวบ 4 ขวบ และเด็กชาย9 ขวบ ถูกเถ้าแก่สวนยางพาราซึ่งเป็นนายจ้าง ล่วงละเมิดทางเพศมานานหลายปี จนเรื่องแดงและเป็นข่าวดัง
ต่อมามูลนิธิเด็ก เยาวชนและครอบครัว ได้เข้าไปให้ความช่วยเหลือเด็กและครอบครัว และมอบหมายให้ทนายความ ทีมนักกฎหมายเป็นทนายโจทย์ร่วมในคดีนี้ โดยแยกเป็นสองสำนวน คำพิพากษา ซึ่งเป็นสำนวนที่สอง ศาลชั้นต้นได้พิพากษาจำคุก 63ปี และต้องจ่ายค่าเสียหายให้แก่โจทย์รวม 7แสนบาท ไปแล้วนั้น
นายชูวิทย์ กล่าวด้วยว่า ล่าสุดวันที่30กันยายน 2563 ศาลอุทธรณ์ภาค8 ตรวจสำนวนประชุมปรึกษา สำนวนที่สอง ผู้เสียหายเป็นเด็กหญิงอายุ7ขวบแล้ว พิจารณาโจทก์และโจทก์ร่วมนำสืบจำเลยอ้างข้อต่อสู้ อ้างฐานที่อยู่ของจำเลย จึงไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานของโจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสามได้ พยานของโจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสามมีน้ำหนัก คงรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า ในวันเวลาเกิดเหตุตามฟ้องจำเลยชักชวนโจทก์ร่วมที่2 ที่3 และผู้เสียหายที่4 ไป แล้วจำเลยกระทำชำเราโจทก์ร่วมที่2 อนาจารโจทก์ร่วมที่3 และพยายามกระทำชำเราผู้เสียหายที่4 การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานโดยปราศจากเหตุอันควรพรากเด็กอายุยังไม่เกิน15ปีไป เสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจาร พาเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจาร โดยใช้อุบายหลอกลวง กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน13ปี ซึ่งมิใช่ภริยาของตน พยายามกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน13ปี ซึ่งมิใช่ภริยาของตน กระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกิน15ปี โดยเด็กนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ และหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดๆ ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้นบางส่วน สำหรับอุทธรณ์ข้ออื่นของจำเลยไม่เป็นสาระอันควรแก่การวินิจฉัย เพราะไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไป
“จำเลยมีความผิดฐานพยายามกระทำชำเราผู้เสียหายที่เป็นเด็กอายุยังไม่เกิน13ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา277 วรรคสาม (เดิม) ประกอบมาตรา 80 ซึ่งเป็นกรรมเดียวกับความผิดฐานพาผู้เสียหายที่ 4ซึ่งเป็นเด็กอายุยังไม่เกิน15ปีไปเพื่ออนาจาร ฐานพาผู้เสียหายที่4 ไปเพื่อการอนาจารโดยใช้อุบายหลอกลวง ฐานกระทำอนาจารผู้เสียหายที่4 ซึ่งเป็นเด็กอายุยังไม่เกิน15ปี ให้ลงโทษฐานพยายามกระทำชำเราผู้เสียหายที่ 4 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 8 ปี เมื่อรวมกับโทษในความผิดฐานอื่นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว เป็นจำคุก 59ปี แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงให้จำคุกจำเลย50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา90 (3) นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น” นายชูวิทย์ กล่าว