โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์พร้อมผู้ปกครองนักเรียนที่ได้รับผลกระทบจากการถูกครูพี่เลี้ยงทำร้ายแถลงความสำเร็จในการเจรจาไกล่เกลี่ย พร้อมประกาศเดินหน้าพัฒนาโรงเรียนต่อในทุกด้าน และร่วมมือภาครัฐยกมาตรฐานครูและการพัฒนาโรงเรียนเอกชนทั่วประเทศ
ดร.วริศนันท์ เดชปานประสงค์ ตัวแทนคณะกรรมการบริหารจากส่วนกลางของโรงเรียนในเครือสารสาสน์ เปิดเผยว่า จากการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย จังหวัดนนทบุรี ตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2563 เป็นต้นมา ปัจจุบัน โรงเรียนฯ สามารถบรรลุข้อตกลงในการเจรจาไกล่เกลี่ยกรณีดังกล่าวกับผู้ปกครองของนักเรียนที่ได้รับผลกระทบแล้วเป็นจำนวน 20 ราย
โรงเรียนได้ดูแลนักเรียนและครอบครัวอย่างเต็มที่ในการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาล การจ่ายค่าชดเชยบำรุงขวัญและการคืนค่าธรรมเนียมในการศึกษาและประสานงานในการย้ายโรงเรียนสำหรับผู้ที่ประสงค์จะเรียนต่อที่โรงเรียนอื่น รวมถึงการสนับสนุนด้านต่างๆ เพื่อช่วยเหลือผู้ปกครองและนักเรียนที่ได้รับผลกระทบตามความเหมาะสม ทำให้สามารถบรรลุข้อตกลงที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย
“นับจากวันแรกที่เกิดเหตุและตลอดเกือบ 3 เดือนที่ผ่านมา โรงเรียนฯ ได้รับฟังและให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เราใช้หลักความรับผิดชอบ ความจริงใจ ความเข้าใจ และความเห็นใจเป็นสำคัญในการเจรจาไกล่เกลี่ย นอกจากนี้ โรงเรียนยังได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีทั้งจากกลุ่มผู้ปกครองที่ได้รับผลกระทบ สำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายจังหวัดนนทบุรี และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องทำให้การเจรจาประสบผลสำเร็จในวันนี้” ดร.วริศนันท์กล่าว
ปัจจุบัน โรงเรียนยังคงทำงานร่วมกับสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายจังหวัดนนทบุรี ในการเจรจาไกล่เกลี่ยกับผู้ปกครองอีก 4 รายเพื่อหาข้อสรุปและหวังว่าจะบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ในที่สุด
อย่างไรก็ดี มีกลุ่มผู้ปกครองที่ทางโรงเรียนยังไม่สามารถหาข้อสรุปในการเจรจาได้อีก 5 ราย เป็นกลุ่มที่การเรียกร้องค่าชดเชยไม่สมเหตุสมผล และทางโรงเรียนยังไม่ได้รับการประเมินการรักษา แนวทาง และค่าใช้จ่ายในการรักษา จึงต้องมีการเจรจาต่อไปและหวังว่าจะบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ในที่สุดเช่นกัน โดยส่วนนี้มีสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นหน่วยงานหลักในการไกล่เกลี่ย
พร้อมกันนี้ โรงเรียนได้ดำเนินการตามมาตรการแก้ไขและป้องกันต่างๆ เพื่อให้การดูแลนักเรียนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้นตามบันทึกความร่วมมือที่ทำไว้กับกระทรวงศึกษาธิการทั้ง 10 ข้อ เสร็จสิ้นทั้งหมดแล้ว เช่น การติดกล้องวงจรปิดในมุมต่างๆ อย่างครบถ้วนในห้องเรียนที่ผู้ปกครองทุกคนให้ความยินยอม การจัดทำป้ายชื่อครู แสดงภาพถ่าย เลขที่ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของครู การเปิดให้ผู้ปกครองสามารถเข้ามาตรวจสอบสุขอนามัยห้องเรียน ห้องน้ำ การจัดอาหารกลางวันตามหลักโภชนาการ เพิ่มเวลาอาหารกลางวัน การคัดกรองด้านสุขภาพจิตให้แก่ครูไทยและต่างชาติ การจัดให้มีนักจิตวิทยาเข้ามาทำงานร่วมกันกับคุณครู และ เด็กๆ ที่ได้รับผลกระทบ การจัดกิจกรรมเสริมพิเศษ การปรับปรุงบริการรถตู้รับส่งนักเรียน เป็นต้น
น.ส. กัลป์ณัชยา นวลฉายชัชวงศ์ ผู้แทนผู้ปกครองของนักเรียนที่ได้รับผลกระทบ กล่าวว่ารู้สึกโล่งใจที่การเจรจาไกล่เกลี่ยเป็นผลสำเร็จได้ และเป็นที่พอใจสำหรับทุกฝ่าย “เราเห็นความจริงใจของโรงเรียนที่จะรับผิดชอบการกระทำที่ไม่เหมาะสมของครูบางคนซึ่งส่งผลกระทบต่อลูกๆ ของเรา รวมทั้งมีการเปลี่ยนแปลง การแก้ไขปรับปรุงปัญหาต่างๆ ตามที่ตกลงกัน หวังว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนา ยกระดับมาตรฐานการปฏิบัติของครู การดูแลนักเรียนให้ดีขึ้นต่อไป”
“ในโอกาสนี้ อยากขอความเห็นใจและความร่วมมือจากสื่อ ให้หยุดแพร่ภาพหรือวีดีโอของลูกๆ ในข่าวอีก เพราะเรื่องมันจบแล้ว และเราไม่อยากเห็นเหตุการณ์นี้ซ้ำอีก” น.ส. กัลป์ณัชยา กล่าวเสริม
นอกจากนี้ โรงเรียนยังทำงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน คุรุสภา และกระทรวงศึกษาธิการอย่างใกล้ชิด ในการดำเนินการเกี่ยวกับใบประกอบวิชาชีพครู การให้ความรู้เรื่องจรรยาบรรณวิชาชีพครู รวมถึงการพัฒนาความรู้ ทักษะในด้านต่างๆ ของครูให้ดียิ่งขึ้น เช่น การเดินหน้าโครงการพิเศษร่วมกับหน่วยงานกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ผลักดันให้เกิดความร่วมมือทางวิชาการในการพัฒนาครู และ นักเรียนทุกระดับชั้นในเรื่องบทบาทหน้าที่ สิทธิเสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน นับว่าเป็นก้าวใหม่ในการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้นอกห้องเรียนที่สร้างพื้นฐานการดำเนินชีวิตให้นักเรียนของโรงเรียน และถือเป็นการพัฒนาที่จะสร้างโมเดลการเป็นโรงเรียนเอกชนต้นแบบด้านการเรียนการสอน บทบาทหน้าที่ สิทธิเสรีภาพ และ สิทธิมนุษยชน ต่อไป
ดร.วริศนันท์กล่าวเสริมว่า แม้ว่าโรงเรียนจะได้มีการปรับปรุงพัฒนาในด้านต่างๆ ไปแล้ว แต่เพื่อให้โรงเรียนได้มีโอกาสพัฒนาในระดับชั้นอนุบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในปีการศึกษา 2564 โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์จะระงับการรับนักเรียนใหม่ในระดับอนุบาล ส่วนนักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ในชั้นอนุบาล โรงเรียนจะพิจารณาต่อไปว่าจะดำเนินการอย่างไร ดร.วริศนันท์ กล่าวสรุปว่า “ทางโรงเรียนฯ พร้อมเดินหน้าพัฒนาปรับปรุงคุณภาพการศึกษา เพื่อให้นักเรียนและผู้ปกครองที่ยังคงเชื่อมั่นในโรงเรียนฯ ได้เห็นการพัฒนาและได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงนี้อย่างเป็นรูปธรรม และอยากขอให้สังคมให้พื้นที่กับครูที่ดี เจ้าหน้าที่ที่ดี การพัฒนา ปรับปรุงคุณภาพการศึกษาที่เกิดขึ้น”