ปัจจุบันธุรกิจค้าปลีกถือได้ว่ามีบทบาทสําคัญต่อระบบเศรษฐกิจอย่างมาก ซึ่งรูปแบบธุรกิจค้าปลีกของไทยมีมาตั้งแต่แต่สมัยโบราณ ปัจจุบันกรุงเทพมหานครกลายเป็นศูนย์กลางการค้าขนาดใหญ่ มีร้านค้าปลีกขนาดใหญ่มากมายหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้าและร้านค้าปลีกขนาดใหญ่จากต่างประเทศ ได้เข้ามามีอิทธิพลต่อคนไทยอย่างมาก ชาวต่างชาตินิยมเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทย ทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าปีละหลายพันล้านบาท ทำให้มีธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) ประเภทไฮเปอร์มาร์เก็ต เช่น เทสโก้โลตัส โลตัสเอกซ์เพรส บิ๊กซี บิ๊กซีเอกซ์ตร้า มินิบิ๊กซี เซเว่นอีเลฟเว่น ฯลฯ ด้วยเหตุนี้ทำให้มหาวิทยาลัยไทยเปิดหลักสูตรธุรกิจค้าปลีก เพื่อสร้างและผลิตบุคลากรมาสนับสนุนภาคธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่
นายกิตติเทพ โชติชูทิพย์ คณะบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ ปี1 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เล่าว่า“ผมเรียนและเติบโตที่จังหวัดยะลา มองว่าสาขานี้ได้เรียนและทำงานปฎิบัติจริงควบคู่ไปด้วย ทางคณะมีทุนการศึกษามอบให้ เนื่องจากไม่ได้เรียนเพียงแค่ความรู้อย่างเดียวแต่มันเต็มไปด้วยการปฏิบัติ ผมชื่นชอบและเลือกมาเรียนที่นี้ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านั้นจะสอบติดมหาวิทยาลัยของรัฐบาลก็ตาม แต่พอได้เข้ามาเรียนรู้สึกเหนื่อยกับการปฏิบัติบ้างบางครั้ง แต่ความเหนื่อยที่ได้มากลับกลายเป็นประสบการณ์ชีวิตจริงและความสนุกการทำงานให้กับตัวเอง ด้านวิชาการผมได้ความรู้จากการเรียนนำมาใช้ในการทำงานจริงๆ ซึ่งความรู้ที่ได้จากการทำงานเพิ่มเติมนั้นก็ถือว่าเป็นความรู้จากนอกตำราเรียน ความสำคัญของธุรกิจค้าปลีกควรมองมองภาพรวมในแต่ละพื้นที่ที่เราจะไปเปิดให้บริการ ผู้ประกอบการต้องมองให้เห็นพื้นที่ตรงนั้นลูกค้าของเราเป็นใคร เน้นสินค้าอะไรเป็นพิเศษถึงตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายในพื้นที่นั้น เพราะแต่ละสินค้าและแต่ละสถานที่มีความแตกต่างกันออกไปจากพฤติกรรมของเลือกซื้อของผู้บริโภคในพื้นที่นั้นๆ”
“ผมจะไม่บอกว่าการที่มาเรียนในคณะสาขาการจัดการธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยจะไม่เหนื่อย แต่ผมจะบอกตรงๆ ว่าทุกอย่างฝึกให้เราเป็นมืออาชีพ เพราะต้องนำวิชาเรียนมาใช้เทอมสองสำหรับฝึกงานทำงานทั้งหมด โดยที่นักศึกษาสามารถเลือกได้ว่าเมื่อเรียนจบอยากทำงานที่นี้ต่อหรือไม่ หรืออยากออกไปทำงานที่อื่น ซึ่งระหว่างเรียนนักศึกษาสามารถมีเงินเก็บ ความรู้ ประสบการณ์และมิตรภาพในการทำงาน แต่อยากให้มองถึงอนาคตที่ทำงานคุ้มค่ากับตัวเอง ทางมหาวิทยาลัยมีการจัดสรรเวลาระหว่างการเรียนและการทำงานให้อย่างเหมาะสม ถ้าเทอมไหนต้องลงเรียนเยอะก็จะพักการทำงาน แต่ถ้าเทอมไหนมีเวลาว่างเยอะก็จะวางแผนไปทำงานเหมือนกับเทอมหนึ่ง สุดท้ายผมอยากจะบอกว่าทุกอย่างไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ ถ้าเราไม่ลงมือทำ แต่ถ้าเมื่อไหร่เราลงมือทำเรายอมลำบาก อนาคตข้างหน้าจะสบายแน่นอน” นายกิตติเทพ กล่าวทิ้งท้าย