อพท. ผนึก 7องค์กร ขับเคลื่อนแผนพัฒนาโคราช ระยะ 5ปี แหล่งโบราณคดีทางธรณีวิทยา ดึงชุมชนร่วมพัฒนากิจกรรมวางเส้นทางการท่องเที่ยวเชื่อมโยงเสริมศักยภาพความยั่งยืนเข้าเกณฑ์ยูเนสโก ตามยุทธศาสตร์จังหวัด สร้างแลนด์มาร์คดินแดนแห่ง 3 มงกุฎมรดกโลก บูมแหล่งท่องเที่ยวกระจายรายได้สู่ชุมชนแบบยั่งยืน
นาวาอากาศเอกอธิคุณ คงมี ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน(องค์การมหาชน) หรือ อพท. เปิดเผยว่า ได้ร่วมลงนามความร่วมมือ (MOU)กับอีก7 หน่วยงาน ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุลมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา
และสมาคมโคราชจีโอพาร์คและฟอสซิล เพื่อส่งเสริมสนับสนุนการดำเนินงานของอุทยานธรณีโคราชหรือโคราชจีโอพาร์ค สู่การเป็นอุทยานธรณีโลก ตามเกณฑ์ขององค์การเพื่อการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก เพื่อผลักดันให้จังหวัดนครราชสีมาบรรลุเป้าหมายการเป็นดินแดนแห่ง3 มงกุฎของยูเนสโก หรือ “TheUNESCO Triple Crown” โดยจะดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัดนครราชสีมา ที่จะทำให้ โคราชจีโอพาร์ค ซึ่งเป็นแหล่งโบราณคดีทางธรณีวิทยาระดับโลก
“ที่ผ่านมายูเนสโกได้ให้การรับรองแล้ว 2 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่มรดกโลกกลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่และพื้นที่สงวนชีวมณฑลสะแกราช อำเภอวังน้ำเขียว และที่จะผลักดันต่อไปก็คืออุทยานธรณีโคราชตามการดำเนินงาน 3 โปรแกรมของยูเนสโกเพื่อก้าวสู่ดินแดนแห่ง 3 มงกุฎของยูเนสโก จึงมอบให้สำนักงานพื้นที่พิเศษ 2 หรือ อพท. 2 ซึ่งดูแลและพัฒนาพื้นที่อารยธรรมอีสานใต้กับ จังหวัดนครราชสีมา
อพท. ร่วมเป็นภาคีเครือข่ายแบบบูรณาการพัฒนากิจกรรมการท่องเที่ยวและเส้นทางการท่องเที่ยวเพื่อขับเคลื่อนอุทยานธรณีโคราชไปสู่การสร้างคุณค่าระดับโลก ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ชุมชนมีส่วนร่วมเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวหลักแบบยั่งยืนที่เป็นศูนย์กลางที่จะสามารถรองรับนักท่องเที่ยวทุกระดับในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยและนานาชาติได้อย่างเป็นรูปธรรม”ผู้อำนวยการ อพท. กล่าว
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2564อพท.2 จะเข้าไปต่อยอดการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวโดยชุมชน ในพื้นที่ชุมชนท่าช้างอำเภอเฉลิมพระเกียรติ และชุมชนมะค่า อำเภอเมืองนครราชสีมา โดยจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และกิจกรรมด้านต่างๆให้เป็นโปรแกรมการท่องเที่ยวที่สามารถเชื่อมโยงระหว่างชุมชนท่องเที่ยวและแหล่งท่องเที่ยวหลักนอกจากนั้นยังจัดทำป้ายสื่อความหมาย
จุดถ่ายภาพในแหล่งท่องเที่ยวของชุมชนการพัฒนาสื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของชุมชน
โดยยังคงรักษาอัตลักษณ์และมรดกทางภูมิปัญญาวัฒนธรรมที่สามารถร้อยเรียงเป็นจุดขายที่สำคัญของชุมชน ในปี 2563อพท. ได้นำองค์ความรู้ด้านการจัดการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโดยใช้การท่องเที่ยวโดยชุมชนเป็นเครื่องมือสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนที่อยู่ในเส้นทางโคราชจีโอพาร์ค
จัดทำแผนการบริหารจัดการและการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชนการพัฒนากิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ โดยมีการประสานความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมาหน่วยงานในพื้นที่และอุทยานธรณีโคราชเพื่อให้การพัฒนาเป็นไปในแนวทางที่สอดคล้องกับแนวทางโคราชจีโอพาร์ค
กรอบความร่วมมือครั้งนี้ จะดำเนินการในระยะ 5ปี โดยมีขอบเขตใน 5ด้านที่สำคัญ คือ
1.ร่วมกันอนุรักษ์ศึกษา สำรวจแหล่งทรัพยากรธรณีธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม
2.ร่วมกันส่งเสริมสนับสนุนการจัดทำแผนการพัฒนาและการดำเนินการให้อุทยานธรณีโคราชเป็นอุทยานธรณีโลกและเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สมบูรณ์โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน และหน่วยงานในท้องถิ่น
3.ร่วมกันจัดกิจกรรมและการเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับนักวิจัย นักวิชาการ นักศึกษา นักเรียนประชาชนทั่วไป รวมถึงนักท่องเที่ยวที่เข้ามาศึกษาธรรมชาติภายในอุทยานธรณีโคราช
4.ร่วมกันจัดกิจกรรมพัฒนาเศรษฐกิจด้านการตลาด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี รวมถึงการบริหารเส้นทางการท่องเที่ยวที่จะเชื่อมโยงกับชุมชน และจัดทำข้อมูลที่เป็นประโยชน์เพื่อการประชาสัมพันธ์ให้เกิดการรับรู้และเข้าถึงพื้นที่อุทยานธรณีดังกล่าวในวงกว้างด้วยเช่นกัน5.ร่วมกันพัฒนาการท่องเที่ยวในอุทยานธรณีโคราชให้เป็นการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโดยให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวโดยชุมชน
สำหรับความโดดเด่นของจีโอพาร์ค โคราช คือ เป็นแหล่งโบราณคดีทางธรณีวิทยา เพราะค้นพบแหล่งฟอสซิลขนาดใหญ่ไม่ว่าช้างดึกดำบรรพ์ หนูโบราณ จระเข้โบราณ ไดโนเสาร์และไม้กลายเป็นหิน ดังนั้นการผลักดันตามยุทธศาสตร์จังหวัดครั้งนี้ มีเป้าหมายสำคัญคือการนำพื้นที่ดังกล่าวให้สามารถขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกอีกแห่งหนึ่งของยูเนสโก ผลสำเร็จของการดำเนินการจะนำไปสู่การสร้างการรับรู้และยกระดับความพร้อมของจังหวันครราชสีมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับนานาชาติต่อไป