เพราะสมบัติสำคัญที่พ่อกับแม่จะให้กับลูกก็คือ “การศึกษา” ซึ่งถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายก้อนโต ดังนั้นพ่อและแม่จึงต้องวางแผนสำหรับเงินส่วนนี้ไว้ แต่สุดท้ายชีวิตก็ไม่แน่นอน หากวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด นั้นก็หมายถึงว่า แผนการศึกษาของลูกอาจจะกระทบไปด้วย ดังนั้น การซื้อประกันเพื่อคุ้มครองการศึกษาลูกจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่ง TIPlife นำ 5 ข้อเพื่อพิจารณามาฝากครับ
- เป็นประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์เพื่อสร้างเงินออมเพื่อเป็นทุนการศึกษาในระดับสูง และเป็นทุนเมื่อลูกสำเร็จการศึกษา
- ลูกเป็นผู้เอาประกัน พ่อแม่เป็นผู้ชำระเบี้ย จึงควรมีสัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองผู้ชำระเบี้ยประกัน เพื่อกรณีผู้ชำระเบี้ยเสียชีวิต ลูกก็ยังคงได้สิทธิต่างๆ ในกรมธรรม์ โดยไม่ต้องชำระเบี้ยแล้วจนครบสัญญา
- อายุกรมธรรม์ควรคุ้มครองอย่างน้อยเท่ากับระยะเวลาการศึกษาที่เหลืออยู่ เช่น หากเริ่มทำประกันเมื่ลูกแรกเกิด อายุกรมธรรม์ก็ควรไม่น้อยกว่า 21 ปี
- ระยะเวลาการชำระเบี้ยควรจะยาวไม่เกินระยะเวลาการหารายได้ของพ่อแม่ผู้ชำระเบี้ย เช่น หากแม่เป็นผู้ชำระเบี้ยและเป็นผู้หารายได้หลักของครอบครัว ปัจจุบันอายุ 40 ปี เกษียณที่อายุ 60 ปี ระยะเวลาชำระเบี้ยก็ไม่ควรเกิน 20 ปี เนื่องจากประกันชีวิตเป็นสัญญาที่ผู้ชำระเบี้ยต้องชำระเบี้ยตามจำนวนและเวลาที่กำหนดในกรมธรรม์ ดังนั้นระยะเวลาชำระเบี้ยที่ยาวนานกว่าระยะเวลาการหาเงินอาจก่อให้เกิดปัญหาทางการเงินในอนาคตได้
- เบี้ยที่ชำระไม่ควรเกิน 10% ของรายได้หลังหักภาษี เพื่อไม่ให้เป็นภาระสำหรับผู้ชำระเบี้ยมากเกินไป
ถึงแม้ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายก้อนโต แต่ถ้าเราเริ่มวางแผนได้เร็วเท่าไหร่ ก็สามารถสร้างและป้องกันแผนนั้นได้นะครับ
🔸 #ประกันชีวิตเพื่อการศึกษา 20/10 เตรียมพร้อมวางแผนอนาคตเพื่อลูกรัก คุ้มครองทั้งผู้เอาประกันภัยและผู้ชำระเบี้ยประกันภัย อุ่นใจกับคุ้มครองชีวิต 20 ปี ชำระเบี้ยประกัน 10 ปี รับเงินคืนตลอดสัญญา 195%
สนใจติดต่อได้ที่ ธ.ออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ
http://www.dhipayalife.co.th/20-10-1
ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครอง และเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง