APCO ประกาศ วันวัฒนชีวาสากล ตั้งเป้าคนไทยชีวี 100 ปี มีสุข ด้วยนวัตกรรมไทย “วัฒนชีวา”
ปัจจุบัน ค่าเฉลี่ยอายุขัยของประชากรทั่วโลกมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากความก้าวหน้าทางการแพทย์ และการดูแลสุขภาพตั้งแต่วัยหนุ่มสาว โดยในส่วนของประเทศไทย World Economic Forum ได้คาดการณ์ไว้ว่า ภายในปี ค.ศ. 2050 ค่าเฉลี่ยอายุขัยของคนไทยจะเพิ่มขึ้นเป็น 82.3 ปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 79.91 ปี ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของคนในภูมิภาคเอเชียโดยรวมที่ 79.5 ปี โดยจะเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน รองจากประเทศสิงคโปร์ ดังนั้น การที่คนไทยจะมีอายุยืนยาว 80 – 100 ปี จึงไม่ใช่เรื่องเกินความสามารถอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม การมีอายุที่ยืนยาวต้องมาพร้อมกับสุขภาพที่แข็งแรงด้วย เพื่อการมีชีวิตสูงวัยที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งนอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อตนเองแล้วยังเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศอีกด้วย
เพื่อเป็นการตอกย้ำถึงจุดมุ่งหมายในการที่จะช่วยให้คนไทยมีชีวิตที่ยืนยาวอย่างมีประสิทธิภาพ
บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ APCO โดย ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และหัวหน้าคณะนักวิจัยฯ จึงได้นำเสนอผลของการศึกษาวิจัยกว่า 50 ปี ซึ่งเป็นนวัตกรรมของคนไทย นั่นคือ “วัฒนชีวา” ที่สามารถชะลอวัย ย้อนวัย สร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันมะเร็ง และส่งเสริมสร้างเสริมสุขภาพคนไทย พร้อมประกาศ ตั้งเป้าคนไทยชีวี 100 ปี มีสุข ด้วยนวัตกรรมไทย “วัฒนชีวา”
ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา เปิดเผยว่า นวัตกรรม “วัฒนชีวา” คือความสำเร็จของคนไทย เป็นนวัตกรรมอันทรงคุณค่าจากงานวิจัยของคนไทยที่คิดค้นพัฒนามาอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบในการสร้างภูมิคุ้มกันบำบัด สำหรับผู้ป่วยเอชไอวีและมะเร็งที่ใช้วิทยาการล่าสุดผลิตจากสารสกัดเสริมฤทธิ์จากพืชธรรมชาติไทย 5 ชนิด ได้แก่ มังคุด
งาดำ ถั่วเหลือง ฝรั่ง ใบบัวบก ให้ทำงานกับเม็ดเลือดขาวสร้างภูมิคุ้มกันที่สมดุลผลที่ได้หลังจากการบริโภคปรากฏว่าผู้ป่วยมีการเปลี่ยนแปลงผิวพรรณดีขึ้น
จึงได้ทำการศึกษาต่อเนื่อง พบว่าสารสกัดที่ได้ไปกระตุ้นเทโลเมอเรสเพิ่มความยาวเทโลเมียร์ช่วยปกป้องโครโมโซมไม่ให้ถูกทำลายส่งผลให้ช่วยชะลอวัยย้อนวัยได้ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 5.8 ปีผู้บริโภคสุขภาพดีและแข็งแรงขึ้นอีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงจากการเป็นโรค NCDs อาทิ โรคหลอดเลือดสมองโรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน ไตวาย ตับแข็ง สมองเสื่อม เป็นต้น และยังพบว่าเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันกระตุ้นเซลล์ T พิฆาตที่สามารถจัดการกับเซลล์มะเร็งได้ และยังสามารถลดอาการของ Long COVID ได้อีกด้วย นับว่าเป็นการค้นพบที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อวงการดูแลสุขภาพอย่างกว้างขวาง
นอกจากนี้ สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้รับทำวิจัยในคนศึกษาประสิทธิภาพของวัฒนชีวาภายใต้งานวิจัยชื่อ “การศึกษาผลของการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสูตรผสมเสริมฤทธิ์ของสารสกัดจากพืชกินได้ 5 ชนิด ต่อความยาวของเทโลเมียร์ในผู้ใหญ่” เป็นการศึกษาในอาสาสมัครจำนวน 32 คน เป็นระยะเวลา 16 สัปดาห์ ผลการศึกษาประสบความสำเร็จและน่าสนใจเป็นอย่างมาก
ซึ่งจะนำมาประยุกต์ใช้ในการสร้างเสริมสุขภาพประชากรไทยในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญพบว่าการรับประทานวัฒนชีวาวันละ 5 แคปซูล ให้ผลสอดคล้องกับผลการศึกษาที่คณะวิจัยของ APCO ได้รายงานไว้ในเบื้องต้น อย่างไรก็ตามผลการศึกษาโดยละเอียดจะเผยแพร่ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอการตีพิมพ์
ผลงานวิจัย “วัฒนชีวา” นี้ ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของบริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ APCO และทีมนักวิจัยคนไทยที่สร้างนวัตกรรมด้านสุขภาพสร้างคุณประโยชน์ช่วยทำให้ประชากรโลกที่กำลังก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุดำรงชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ มีสุขภาพร่างกายสดชื่นแข็งแรงใช้ช่วงเวลาเกษียณได้อย่างเกษม
และสามารถทำประโยชน์ให้กับสังคมได้อย่างเต็มศักยภาพ
ทั้งนี้ องค์การสหประชาชาติกำหนดให้ทุกวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี ถือเป็นวันผู้สูงอายุสากล ทาง APCO จึงขอเชิญชวนคนไทยทุกวัยดำเนินชีวิตที่ทำให้ชีวิตยืนยาว (Longevity) เป้าหมายคือทำให้อ่อนเยาว์สุขภาพแข็งแรงและมีชีวิตยืนยาวยิ่งขึ้น จึงกำหนดให้เป็น “วันวัฒนชีวาสากล” ตั้งเป้าคนไทยชีวี 100 ปี มีสุข ด้วยนวัตกรรมไทย
“วัฒนชีวา” เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ดูแลตนเองและสังคมได้อย่างมีความสุขอย่างยั่งยืน