วันที่ 21 ตุลาคม 2562 กรุงเทพฯ : CAT ยกทัพเทคโนโลยีจัดแสดงในงาน Digital Thailand Big Bang 2019 โชว์ศักยภาพผ่านแนวคิด ‘The Window of Unlimited Possibility’ นำเสนอ ‘ไฮไลต์’ การพัฒนาโครงข่ายภายในประเทศและเคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศให้พร้อมเป็นโครงข่าย ASEAN Digital Hub สามารถรองรับความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ด้วยบริการ Smart ที่หลากหลาย ระหว่างวันที่ 28-31 ตุลาคม 2562 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา
พันเอก สรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม (มหาชน) หรือ CAT เปิดเผยว่า CAT เตรียมโชว์ศักยภาพโครงข่าย ASEAN Digital Hub โดยมุ่งมั่นผลักดัน ‘ดิจิทัลไทยสู่ดิจิทัลอาเซียนฮับ’ ผ่านแนวคิด ‘The Window of Unlimited Possibility’ ในงาน Digital Thailand Big Bang 2019 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-31 ตุลาคม 2562 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา
โดยงานในปีนี้ CAT เน้นรูปแบบการจัดแสดงที่สื่อให้เห็นถึงความร่วมมือกับพันธมิตรต่างประเทศเพื่อสร้าง ASEAN Connectivity ให้เกิดขึ้น โดยนำเสนอเนื้อหาหลัก 3 โซน ได้แก่ โซน ASEAN Digital HUB โซน Innovation และโซน Smart Life
สำหรับ ‘โซน ASEAN Digital Hub’ จะแสดงถึงการพัฒนาโครงข่ายเคเบิลใยแก้วที่มีประสิทธิภาพและความเสถียรภาพสูงสุดพร้อมรองรับการติดต่อสื่อสารทุกรูปแบบ โดย CAT ได้ขยายความจุโครงข่ายภาคพื้นดินภายในประเทศที่เชื่อมโยงไปยังชายแดน เพื่อเชื่อมต่อประเทศกัมพูชา ลาว และเมียนมา รวมความจุที่ขยายเพิ่ม 2,300 Gbps การขยายความจุระบบโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศที่มีอยู่ในเส้นทางสิงคโปร์ จีน (ฮ่องกง) และสหรัฐอเมริกา จำนวน 3 ระบบ คือ AAG, APG, FLAG โดยรวมความจุอยู่ที่ประมาณ 7,512 Gbps สามารถรองรับปริมาณทราฟิกทั้งประเทศและการใช้งานที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต และการสร้างเคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศระบบใหม่เพื่อเชื่อมโยงประเทศในเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ สิงคโปร์ ฮ่องกง ญี่ปุ่น ไทย จีน เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเกาหลีใต้ กำหนดแล้วเสร็จภายในปี 2564
ทั้งนี้ ระบบเคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศระบบใหม่ จะเพิ่มเสถียรภาพความมั่นคงในการเชื่อมต่อของภูมิภาคอาเซียนและมีส่วนช่วยสนับสนุนการเป็น ASEAN Digital Hub โดยมุ่งสู่เป้าหมายผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางข้อมูลดิจิทัลอาเซียน และส่งเสริมศักยภาพของไทยให้มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนผ่านของอาเซียนสู่ยุคดิจิทัล
“ประเทศไทยตั้งอยู่ในจุดภูมิศาสตร์ที่เหมาะสมต่อการเป็นศูนย์กลางในการติดต่อสื่อสารกับกลุ่มประเทศอาเซียนตอนบน ได้แก่ กัมพูชา ลาว และเมียนมา ซึ่งประเทศเหล่านี้มีการเติบโตของอินเทอร์เน็ตทราฟิก อีกทั้ง ประเทศไทย ก็มีการใช้งานดิจิทัลคอนเทนต์จำนวนมาก อยู่ในอันดับต้น ๆ ของโลก จึงเป็นโอกาสที่จะสามารถดึงดูดความสนใจของผู้ประกอบกิจการคอนเทนต์รายใหญ่ให้มาตั้งฐานข้อมูลในประเทศ และใช้งานผ่านโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำที่ได้ขยายความจุไว้รองรับ อันจะทำให้ประเทศไทยสามารถพัฒนาศักยภาพก้าวสู่การเป็น ASEAN Digital Hub ตอนบนได้อย่างมั่นคง”
ส่วน ‘โซน Innovation’ นั้น CAT จะนำเสนอโซลูชันในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ในด้านต่าง ๆ ผ่านบริการ IoT by CAT อาทิ อุปกรณ์วัดฝุ่น PM 2.5 สำหรับตรวจวัดค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ในอากาศ โคมไฟถนนอัจฉริยะที่สามารถสั่งงานและควบคุมในการปรับความเข้มของแสง อุณหภูมิ ตั้งเวลาการทำงาน อุปกรณ์ตรวจวัดพลังงานสำหรับตรวจวัดค่าพลังงานที่ใช้ในอาคารสำนักงานต่าง ๆ เพื่อบริหารจัดการการใช้พลังงานไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ชุดอุปกรณ์สำหรับนักวิจัยและพัฒนาสำหรับการเชื่อมต่อและส่งข้อมูลผ่านโครงข่าย LoRaWAN ซึ่งจะเป็นแนวทางที่ประชาชนสามารถนำมาประยุกต์ใช้เทคโนโลยีผ่านโครงข่าย IoT เพื่อแก้ไขปัญหาหรือเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในแต่ละพื้นที่ทั้งในด้านการท่องเที่ยว การเกษตร สิ่งแวดล้อม สาธารณสุข ฯลฯ โดย CAT กำหนดวางโครงข่าย LoRaWAN ให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศภายในปีนี้ ส่วน ‘โซน Smart Life’ จะได้พบกับ Smart Bar และ Robot Café ที่จะให้บริการกาแฟกับผู้ที่มาแวะเยี่ยมชมบูทของ CAT
ทั้งนี้ CAT ได้จัดรถบัสขนาด 45 ที่นั่งสำหรับรับ-ส่งฟรีระหว่างศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถ. แจ้งวัฒนะ และศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ระหว่างวันที่ 28-31 ตุลาคม 2562 วันละสองรอบ ได้แก่ เที่ยวไปเวลา 08.30 น. และ 14.00 น. และเที่ยวกลับเวลา 11.30 น. และ 17.00 น. เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้สนใจเข้าร่วมชมงานอีกด้วย