สสส. ผนึกกำลัง นิด้า เทศบาลแสนสุข พัฒนาเครือข่ายเยาวชนโรงเรียนแสนสุข ร่วมสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวหาดบางแสนปลอดแอลกอฮอล์และยาสูบ เทศกาลสงกรานต์ปีนี้ 21 วัน เตรียมพร้อมจัดเต็มดูแลความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวเป็นพิเศษ
เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2567 เทศบาลเมืองแสนสุข ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) และสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) จัดกิจกรรมการพัฒนาเครือข่ายเยาวชน ณ โรงเรียนแสนสุข เพื่อชูโมเดลพื้นที่ท่องเที่ยว หาดบางแสนให้เป็นจุดหมายท่องเที่ยวสำหรับครอบครัวที่ร่วมสร้างสุขภาวะที่ดี และเชิญชวนนักท่องเที่ยวร่วมงานวันไหล ปลอดเหล้าและบุหรี่ โดยเฉพาะเทศกาลสงกรานต์ปี 2567 ที่กำหนดจัดงาน 21 วัน หวังดึงพลังเยาวชนร่วมปกป้องสิ่งแวดล้อมชายหาดบางแสนปลอดภัยจากไร้ควันบุหรี่และแอลกอฮอล์
นางสาวรุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สสส. กล่าวว่าชายหาดบางแสนเกิดความเปลี่ยนแปลงอันน่าทึ่งในระยะกว่า 3 ปีที่ผ่านมา ด้วยความร่วมมืออย่างเข้มแข็งกับเทศบาลเมืองแสนสุขและนิด้า สร้างชายหาดบางแสนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวปลอดภัย ปลอดแอลกอฮอล์ และบุหรี่ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของทุกฝ่าย ผ่านการสร้างความร่วมมือของผู้ประกอบการ เครือข่ายเยาวชน และนักท่องเที่ยว ที่ให้ความสำคัญและร่วมมือในการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ชายหาดบางแสนเป็นสถานที่ที่ทุกคน
ซึ่งปีนี้ระยะเวลาเทศกาลสงกรานต์จะยาวขึ้น 21 วัน อาจต้องดูแลพื้นที่เป็นพิเศษเพื่อให้บรรยากาศสงกรานต์น่าเที่ยวมากกว่าน่ากังวล กลุ่มนักท่องเที่ยวต้องได้รับความปลอดภัย และอยากให้ทุกจังหวัดพิจารณาการจัดโซนนิ่ง พื้นที่สำหรับครอบครัวซึ่งน่าจะเป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ที่ทำให้คนไทยคนต่างชาติได้เข้ามาท่องเที่ยวและจดจำวัฒนธรรมที่ดีกลับไป
“ต้องยอมรับว่าปัญหาสำคัญถ้าเราไม่ปลูกฝังเยาวชนให้ห่างจากบุหรี่และแอลกอฮอล์ คุณภาพชีวิตพวกเขาก็จะจะไม่ดี แต่ถ้าเขาเป็นต้นแบบที่ดีจะทำให้คนรอบข้างดีขึ้นด้วย จากผลสำรวจสำนักงานสถิติ 2564 อายุ 15-24 ปี ดื่มแอลกอฮอล์แค่ 20% หรือ 1.9 ล้านคน ซึ่งถือว่าลดลงในขณะที่ก่อนหน้านี้ตัวเลขเยอะกว่านี้ ส่วนการสุบบุหรี่ก็ลดลงเหลือแค่ 12% แต่ปัญหาสำคัญคือพบว่าเยาวชนไทยสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
ข้อมูลจากองค์การสหประชาชาติ องค์การอนามัยโลก และกระทรวงสาธารณสุขไทย ปี 2564 พบแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจากบุหรี่มากกว่า 80,000 คน คิดเป็น 18% ของการเสียชีวิตทั้งหมด ในจำนวนนี้เสียชีวิตจากควันบุหรี่มือสองกว่า 6,000 คน คิดเป็นความสูญเสียทางเศรษฐกิจเฉลี่ย 352,000 ล้านบาทต่อปี ขณะเดียวกันผลสำรวจ Global Youth Tobacco Survey : GYTS ปี พ.ศ.2565 ของประเทศไทย ในกลุ่มนักเรียนที่มีอายุระหว่าง 13 – 15 ปี พบเด็กและเยาวชนสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น อย่างก้าวกระโดด จาก 3.3% ในปี 2558 มาเป็น 17.6% ในปี 2565
การเปลี่ยนแปลงที่ชายหาดบางแสนนั้นไม่เพียงสร้างสุขภาวะที่ดีให้เกิดในพื้นที่ แต่ยังนำไปสู่สภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกับทุกคน ทุกเพศทุกวัย และทุกครอบครัว การห้ามแอลกอฮอล์และบุหรี่ทำให้หาดบางแสนลดความวุ่นวายจากผู้เมา และปราศจากควันบุหรี่ ทำให้เป็นสถานที่น่านั่ง น่าเที่ยว สำหรับครอบครัวที่มาพักผ่อน ผู้เยี่ยมชมจะได้สัมผัสกับอากาศบริสุทธิ์ และทัศนียภาพที่สวยงาม โดยไม่มีกลิ่นสุราหรือควันบุหรี่ หาดบางแสนจึงเป็นแบบอย่างที่ยอดเยี่ยมในการสร้างชุมชนท่องเที่ยวที่ยั่งยืนและปลอดภัย” นางสาวรุ่งอรุณ กล่าว
ผศ.ดร.เกศรา สุกเพชร อาจารย์ประจำคณะจัดการท่องเที่ยว นิด้า กล่าวว่า การสร้างเครือข่ายเยาวชนจะทำให้เกิดการร่วมปกป้องและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของบางแสนได้ดีมากขึ้น ซึ่งได้ดึงเยาวชนจำนวน 395 คน เพื่อเข้าร่วมกิจกรรม 5 ฐานปลูกฝังให้น้องๆ ได้เรียนรู้ในวัยที่อาจสุ่มเสี่ยงเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบุหรี่หรือแอลกอฮอล์ให้รู้ถึงพิษภัยเหล่านี้ เพื่อหวังสร้างเครือข่ายและเป็นกำลังสำคัญของเทศบาลเมืองแสนสุข เพื่อช่วยทำให้พื้นที่ชายหาดบางแสนปลอดเหล้าและบุหรี่ นำไปสู่การลดปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่ได้อย่างดี
ช่วงหนึ่งชายหาดบางแสนเคยเป็นพื้นที่อบอุ่นให้กับนักท่องเที่ยว กลุ่มครอบครัว ยุคหลังเริ่มถอยห่างออกไป เพราะรู้สึกไม่ปลอดภัยสาเหตุหลักๆ พบการทะเลาะวิวาทและใช้ความรุนแรง จึงร่วมพัฒนาพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ดึงผู้ประกอบการ นักท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่ ตั้งเป้าหมายลดความเหลื่อมล้ำ และกระจายรายได้สู่คนในพื้นที่ พร้อมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี และปรับชายหาดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีแต่รอยยิ้ม สภาพแวดล้อมไม่เป็นอันตราย และเป็นมิตรกับผู้สูงอายุ เด็ก และนักท่องเที่ยว
โดยในปัจจุบัน 90% ของพื้นที่ ไม่พบการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ ในจุดที่ห้ามขาย ขณะที่นักท่องเที่ยวให้ความร่วมมืออย่างดี ส่วนอีก 10% อาจพบพฤติกรรมไม่ปฏิบัติตามกฎ จะมีเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและให้ข้อมูล
“เรามาช่วยกันพัฒนาและเปลี่ยนแปลงให้หาดบางแสนปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการที่เล็งเห็นความสำคัญการดูแลนักท่องเที่ยว ไม่ให้สูบบุหรี่และไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และต้องเข้าใจว่าคนส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ไม่สูบ ไม่ดื่ม ประมาณร้อยละ 70% ของนักท่องเที่ยวมองว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่สำหรับครอบครัว และให้โอกาสทุกคนได้เข้ามาเที่ยวอย่างปลอดภัย เพราะการสูบบุหรี่ส่งผลกระทบโดยตรงกับการเติบโตทางสมองของเยาวชนทันทีและการไม่ดื่มเหล้าในพื้นที่ยังช่วยลดปัญหาการทะเลาะวิวาทและรบกวนนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่น ๆ ได้ด้วย” ผศ.ดร.เกศรา กล่าว
ดร.บุญเกิด กลมทุกสิ่ง ผู้อำนวยการโรงเรียนแสนสุข เน้นย้ำถึงบทบาทของเยาวชนในการสร้างหาดบางแสนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ปลอดภัยและมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยสร้างการรับรู้และความเข้าใจในหมู่เยาวชนเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงของบุหรี่และแอลกอฮอล์ และส่งเสริมให้เยาวชนในพื้นที่มีส่วนร่วมในการดูแลพื้นที่ชายหาด กิจกรรมการสร้างความตระหนักรู้แก่เยาวชนที่เกิดขึ้นในวันนี้ มุ่งเน้นการสร้างชุมชนท่องเที่ยวที่มีความยั่งยืนด้านสุขภาวะ ผ่าน การเรียนรู้จากฐานกิจกรรมที่มุ่งเน้นการสร้างความเข้าใจและส่งเสริมจิตสำนึกร่วมกัน ในการสร้างสังคมที่ปลอดเหล้า ปลอดบุหรี่ ตลอดจนบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งถือเป็นภัยคุกคามรูปแบบใหม่ นับเป็นเป็นบทบาทสำคัญของสถานศึกษาในพื้นที่ที่สำคัญอีกบทบาทหนึ่ง” ดร.บุญเกิด กล่าว
“โรงเรียนแสนสุขได้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นปีที่ 2 แล้ว ถือเป็นโครงการที่สอดคล้องกับโรงเรียนของเราสถานศึกษาสีขาวปลอดยาเสพติดและอบายมุข นักเรียนที่อยู่ในพื้นที่จะมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการช่วยสร้างความตระหนักเป็นพลังให้กับชุมชนแสนสุข เมื่อนักเรียนได้รับความรู้ตระหนักพิษภัยของยาเสพติดและเครื่องแอลกอฮอล์ เชื่อมั่นว่าจะทำให้ครอบครัวสถาบันหลักลดละเลิกปัญหายาเสพติดได้ด้วย เมื่อเราเป็นเจ้าบ้านที่ดีปลอดอบายมุข เป็นตัวอย่างให้กับนักท่องเที่ยวที่บางแสนของเรา” ดร.บุญเกิด กล่าว
นายสวัสดิ์ หอมปลื้ม รองนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองแสนสุข กล่าวว่า เทศบาลเมืองแสนสุข มีแนวคิดพัฒนาพื้นที่การท่องเที่ยวให้เป็นพื้นที่ที่พร้อมรองรับ นักท่องเที่ยว อย่างปลอดภัยในระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์และวันไหลปี 2567 ด้วย ซึ่งพบว่าพื้นที่ชายหาดบางแสนปัจจุบันเปลี่ยนแปลงทั้งกายภาพและพฤติกรรม เข่น นักท่องเที่ยวเริ่มมีคุณภาพมากขึ้น การทะเลาะววาทที่เป็นผลมาจากการบริโภคเครื่องดื่มและแอลกอฮอล์ลดลง ภาพลักษณ์ชายหาดบางแสนเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เป้าหมายโครงการครั้งนี้ตอบสนองความตั้งใจของเทศบาลเมืองแสนสุขที่จะพัฒนาพื้นที่ชายหาดบางแสนเป็นเพื่อสุขภาพของทุกคน และยังมีการพัฒนาพื้นที่อย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้งเพื่อรองรับการท่องเที่ยวให้ปลอดภัยและสะดวกสบายมากขึ้นอีกหลายมิติ เช่น การขยายพื้นที่รองรับจุดจอดรถ ยกระดับมาตรฐานชายหาดให้เป็นสากล Universal Beach การนำเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้ในการสร้างความปลอดภัยในพื้นที่ในทุกมิติ
“การสร้างการรับรู้และกฎกติการ่วมกันระหว่าง ผู้ประกอบการ ประชาชน เจ้าหน้าที่ และนักท่องเที่ยว ผ่านการทำงานร่วมกันในรูปแบบเครือข่ายเป็นความมุ่งมั่นของเทศบาลเมืองแสนสุข ด้วยความหวังที่จะเห็นหาดบางแสนและพื้นที่เมืองแสนสุขเป็นเมืองและสถานที่ท่องเที่ยวที่ปลอดภัย มีสุขภาวะที่ดี รองรับคนทุกกลุ่ม โดยในปีนี้เทศบาลยังเตรียมจัดกิจกรรม งานวันไหล ปี 2567 ณ ชายหาดบางแสน ซึ่งเป็นกิจกรรมปลอดเหล้าและบุหรี่ เพื่อร่วมมอบความสุขให้นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ และร่วมอนุรักษ์เทศกาลปีใหม่ของไทยอีกด้วย” นายสวัสดิ์ กล่าว