เปิดวิสัยทัศน์ ผอ.มูลนิธิศุภนิมิตฯ “คุณรสลิน โกแวร์”


เปิดวิสัยทัศน์ ผู้อำนวยการมูลนิธิศุภนิมิตฯ ตั้งเป็าปี 2568 เน้นช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง พร้อมตั้งรับกับสถามการณ์ด้านภัยพิบัติ ดึงคนรุ่นใหม่ร่วมสร้างสังคมแห่งการให้

กรุงเทพมทานคร – ภายใต้สังคมโลกในยุคเศรษฐกิจและสังคมผันผวน วิถีชีวิตของผู้คนก็ต้องเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างทางสังคมและสภาพแวดล้อมของชุมชมชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย (World Vision
Foundation of Thailand) องค์กรพัฒนาเอกชน ที่เป็นส่วนหนึ่งของศุภนิมิตสากล หรือ World Vision International ซึ่งมีพันธกิจในการช่วยเหลือเด็กมาแล้วกว่า 70 ปี และมีเครือข่ายดำเนินงานในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก

สำหรับในประเทศไทย มูลนิธิศุภนิมิตฯ เราดำเนินพันธกิจมาแล้วกว่า 50 ปี ด้วยอาศัยความร่วมมือกับองค์กรท้องถิ่นและชุมชนในพื้นที่กว่า 36 จังหวัดของประเทศ โดยเป็นสื่อกลางในการประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อกระชับช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางสังคม โดยมุ่งเน้นดำเนินงานพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็ก ครอบครัวและชุมชน ให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น

ล่าสุด มูลนิธิศุภนิมิตฯ ได้จัดงาน Celebrate
Vision, Celebrate You เปิดวิสัยทัศน์ ขับเคลื่อนพันธกิจทางสังคมในภาพรวม โดยมีนางรสลิน โกแวร์ ผู้อำนวยการมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย เป็นผู้ให้ข้อมูลในประเด็นที่น่าสนใจ พร้อมเผยสถิติใหม่ ที่เกี่ยวข้องกับเด็ก สตรี และชุมชน

“เมื่อเร็ว ๆ นี้ มูลนิธิศุภนิมิตฯ ได้ทำการวิจัยในกลุ่มเด็กกว่า 83,000 คน ทั้งที่อาศัยในพื้นที่ชนบทและในเขตเมือง ทั้งที่เป็นเด็กในความอุปการะและไม่ใช่เด็กในความอุปการะของเรา ซึ่งในงานวิจัยนี้ ชี้ให้เห็นถึงสถานการณ์ต่าง ที่เน้นถึงรูปแบบและลักษณะของความเปราะบางยากไร้ในเด็กและเยาวชน รวมถึงรากของปัญหาที่เป็นสาเหตุของความเปราะบางยากไร้เหล่านี้”

กว่า 51% ของเด็ก 83,000 รายที่เราทำการสำรวจ พบว่าเป็นเด็กที่เปราะบางยากไร้ที่สุด โดยเด็กในช่วงอายุ 12ปี มีสัดส่วนสูงสุดในกลุ่มเด็กที่ได้รับการระบุว่า เป็นเด็กเปราะบางยากไร้ที่สุด (Most Vulnerable Children – MVC) และเด็กเปราะบางยากไร้ (Vulnerable Children – VC)

ทั้งนี้ ความเปราะบางยากไร้ในนิยามของมูลนิธิศุภนิมิตฯ มีอยู่ 4 มิติ ได้แก่
1. การถูกละเมิดหรือแสวงหาประโยชน์ 2. การขาดแคลย่างรุนแรง 3. ภาวะเปราะบางจากภัยพิบัติหรือมทันตภัย และ 4. การกีดกันอย่างรุนแรง

ในบรรดามิติความเปราะบางยากไร้ทั้ง 4 มิตินี้ มิติที่ชี้ให้เห็นถึงความเปราะบางสูงสุดคือ การขาดแคลนอย่างรุนแรง (63%) รองลงมาคือ การกิดกันอย่างรุนแรง (28%), ภาวะเปราะบางจากภัยพิบัติหรือมหันตภัย (25%), และการถูกล่วงละเมิด (18%)

นอกจากนี้ ยังพบว่าความเปราะบางที่สูงที่สุดจากการสำรวจ คือ เด็กที่อาศัยอยู่ในสภาพครอบครัวที่ยากจน คิดเป็นร้อยละ44 หรือประมาณ 37,000 คน รองลงมาคือ เด็กที่ไม่ได้อาศัยอยู่กับพ่อแม่ คิดเป็นร้อยละ 19 และเด็กที่มาจากครอบครัวพ่อหรือแม่เลี้ยงเดี่ยว คิดเป็นร้อยละ 16 นอกจากนี้ยังพบว่า ร้อยละ 20 ของเด็กในพื้นที่โครงการของมูลนิธิศุภนิมิตฯ ซึ่งอยู่ห่างไกลหรือบริเวณชายแดน และ ร้อยละ 9.4 เป็นกลุ่มเด็กชายขอบ

ทีมงานศุภนิมิตฯ ได้ทำการศึกษารากของความเปราะบางยากไร้เหล่านี้ และพบว่า ปัจจัยที่ก่อให้เกิดปัญหามีดังต่อไปนี้

โครงสร้างครอบครัวที่เปลี่ยนแปลงไป (Changing family structures):

มีแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจสังคมที่สัมพันธ์กันหลายประการ การย้ายถิ่นฐานจากชนบทสู่เมืองเนื่องจากการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศ อันส่งผลต่ออัตราการแยกกันอยู่และการหย่าร้างของพ่อแม่ ซึ่งทั้งสองปัจจัยนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของครัวเรือนแบบ “ข้ามรุ่น” คือปู่-ย่า ตา-ยายเป็นผู้เลี้ยงดูหลานแทนพ่อแม่ของเด็ก เรามักจะเห็นว่าแนวโน้มเหล่านี้ถูกพูดถึงบ่อยครั้งในการทำการประชุมกลุ่มสนทนา (Focused Group Discussion – FGD)

การใช้สารเสพติดที่เพิ่มขึ้น (Increasing substance abuse) :

จากการทำประชุมกลุ่มสนทนา (FGD) ทุกกลุ่มอายุในทุกพื้นที่ต่างระบุตรงกันว่าการใช้สารเสพติด ทั้งยาเสพติดและแฮลกอฮอล์ เป็นประเด็นสำคัญที่น่ากังวลใจอย่างมาก เด็กและเยาวชนหลายคนที่ร่วมการสำรวจรายงานว่า “เคยพบเจอกับการใช้สารเสพติดทั้งภายในบ้านและชุมชน” และในประเด็นที่เชื่อมโยงกับความเปราะบางยากไร้ หัวข้อที่พบบ่อยครั้งคือ การติดสารเสพติดเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้เกิดความรุนแรงที่กระทำโดยพ่อแม่และการทอดทิ้งละเลยเด็กในครอบครัว

ความตรึงเครียดทางการเงิน :

เป็นเหตุผลที่มักจะอ้างถึงมากที่สุดที่เป็นสาเหตุให้พ่อแม่และผู้ดูแลเด็กหันไปใช้สารเสพติด ความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจนี้ มักถูกช้ำเติมด้วยปัจจัยความตึงเครียดทั้งภายในและภายนอกครัวเรือน ตัวอย่างของปัจจัยภายในได้แก่ คนในครอบครัวเป็นโรคเรื้อรังหรือโรคร้ายแรง ในขณะที่ปัจจัยภายนอก ได้แก่ ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การได้รับผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงไป

ทั้งหมดนี้ เป็นรายงานการวิจัยล่าสุด ที่ทีมงานศุภนิมิตฯ รวบรวมขึ้น เพื่อวางแผนการดำเนินงานในอนาคตอันใกล้ และก้าวใหมในปี 2568 นี้ ศุภนิมิตฯ ยังคงมุ่งมันเดินหน้าสานต่อพันธกิจในงานการพัฒนา เพื่อต่อยอดและปรับปรุงแนวทางในการดำเนินงาน และติดตาม เพื่อให้สามารถเข้าถึงและช่วยเหลือเด็กเปราะบางยากไว้ที่สุด ให้มากที่สุดเทำที่จะเป็นไปได้

ทั้งนี้ เราจำเป็นต้องทำงานอย่างใกล้ชิดกับชุมชน เพื่อสามารถทราบได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ว่าเด็กกลุ่มใดคือเด็กที่เปราะบางยากไร้ที่สุด เพื่อช่วยเหลือและมอบการสนับสนุนได้อย่างตรงเป้าหมายตามความต้องการที่จำเป็น เพื่อแก้ปัญหาความยากไร้ที่มีความซับซัอนตลอดจนช่วยเสริมสร้างการทำงานของเครือช่ายให้เข้มแข็ง และเป็นกำลังในการหนุนเสริมหน่วยงานภาครัฐให้สามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals – SDG)

สำหรับงานการพัฒนาเด็กและเยาวชน มูลนิธิศุภนิมิตฯ มุ่งเน้นการดูแลเด็กและส่งเสริมการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพให้กับเด็กอายุ 0-12 ปี ด้วยการเสริมสร้างศักยภาพของพ่อแม่ผู้ปกครองและผู้ดูแลเด็ก เพื่อให้พวกเขามีส่วนช่วยให้เด็กได้มีพัฒนาการและเจริญเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและมีผลสัมถสัมฤทธิ์การเรียนรู้ที่ดีจากการใด้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ

ส่วนงานการพัฒนาเยาวชน มูลนิธิศุภนิมิตฯ ก็ยังคงมุ่งเน้นการเสริมสร้างเยาวชนอายุ 13-24 ปี ให้มีทักษะชีวิตและจิตสาธารณะอย่างเหมาะสม ผ่านมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย
World Vision Foundation of Thailand
สภาเยาวชนศุภนิมิต ที่มูลนิธิฯ จัดตั้งขึ้นโดยมีความตั้งใจที่จะส่งเสริมศักยภาพของกลุ่มเยาวชนและเครือข่าย ให้สามารถให้คำปรึกษาเพื่อนเยาวชนที่เป็นกลุ่มเสี่ยง และมีความรู้ ความเข้าใจ ตลอดจนทัศนคติที่ถูกต้องเพื่อนำสู่การปรับเปลี่ยนค่านิยมในการเลิกใช้สารเสพติด

นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นงานพัฒนาอาชีพและชีวิตความเป็นอยู่ของคนในครอบครัวและชุมชน ให้สามารถพึ่งพาตนเองและมีชีวิตความเป็นอยู่ตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง พร้อมรู้รับปรับตัวต่อสภาพแวดล้อม สภาพภูมิอากากาศ ที่เปลี่ยนแปลง
ไป รวมถึงสามารถรอดพ้นจากภัยพิบัติที่อาจต้องเผชิญ

มากไปกว่านั้น มูลนิธิศุภนิมิตฯ ยังคงมุ่งมั่นในงานการปกป้องคุ้มครองเด็ก งานด้านการโยกย้ายถิ่นฐานและประชากรข้ามชาติ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาของประชากรข้ามชาติในประเทศไทยซึ่งนับเป็นกลุ่มเปราะบางยากไร้ที่สุดด้วยเช่นกัน โดยผ่านงานรณรงค์เพื่อปรับปรุงนโยบาย ทั้งนี้ การมีบทบาทสำคัญยิ่งในการนำชีวิตที่ครบบริบูรณ์ไปสู่เด็กทุกทุกคน ผ่านการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้เด็ก รวมถึงครอบครัวและชุมชนของเขา ความสำเร็จในพันธกิจการช่วยเหลือต่าง ๆ

เหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากปราศจากความร่วมมือร่วมใจ การสนับสนุนทรัพยากรต่าง ๆ จากทุกฝ่าย มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้รับความอนุเคราะห์และความร่วมมือจากหุ้นส่วนร่วมพันธกิจ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน รวมทั้งผู้อุปการะ ผู้บริจาคทุกท่าน เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพลังการขับเคลื่อนอันยิ่งใหญ่ เพื่อนำสู่การเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิตของคนไทยและประเทศไปด้วยกันนะคะ” นางรสลิน โกแวร์ กล่าว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *