“น้ำมันพืชกุ๊ก” เปิดโครงการ “สิ้นสุดการเป็นของเสีย”

“น้ำมันพืชกุ๊ก” เปิดโครงการยกระดับด้านสิ่งแวดล้อม มุ่งสู่เป้าหมาย “สิ้นสุดการเป็นของเสีย”
ตั้งเป้าสร้างโรงเรือนนวัตกรรมสร้างคุณค่า Organic Waste 3 แห่งตลอดปี 2568

บริษัท ธนากรผลิตภัณฑ์นํ้ามันพืช จำกัด ร่วมกับ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชุมชน เปิดโรงเรือนนวัตกรรมสร้างคุณค่า ORGANIC WASTE เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และกำจัดขยะอินทรีย์ให้กับโรงเรียน และชุมชน ณ โรงเรียนอนุบาลพระสมุทรเจดีย์ อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2568

นายอดุลย์ เปรมประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนากรผลิตภัณฑ์น้ำมันพืช จำกัด ผู้ผลิต “น้ำมันพืชกุ๊ก” หนึ่งในธุรกิจหลักของ “กลุ่มพูลผล” เปิดเผยว่า บริษัทให้ความสำคัญกับการดำเนินนโยบายความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility) ทั้งภายในและภายนอกองค์กร

โดยเฉพาะโครงการ CSR ด้านชุมชนที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และจะเดินหน้าสานต่อในปีนี้ หนึ่งในนั้นคือ โครงการยกระดับด้านสิ่งแวดล้อม มุ่งสู่เป้าหมายการสิ้นสุดการเป็นของเสีย (End of Waste) โรงเรียนนวัตกรรมสร้างคุณค่า Organic Waste ด้วยหนอนแมลงวันลาย (Black Soldier Fly) หรือ BSF ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง บริษัท ธนากรฯ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้นำชุมชน

โดยมีแผนก่อสร้างโรงเรือนเพาะเลี้ยงหนอน BSF หรือ โรงเรือนนวัตกรรมสร้างคุณค่า ORGANIC WASTE ให้กับชุมชน และโรงเรียนในเขตพื้นที่ ตำบลปากคลองบางปลากด และ ตำบลในคลองบางปลากด อำเภอพระสมุทรเจดีย์ ซึ่งตลอดปี 2568 บริษัทฯ มีแผนสร้างโรงเรือนนวัตกรรมสร้างคุณค่า ORGANIC WASTE รวม 3 แห่ง ได้แก่ 1. โรงเรียนอนุบาลพระสมุทรเจดีย์ 2.โรงเรียนวัดแค และ 3. โรงเรียนคลองนาเกลือน้อย

การเปิดโรงเรือนในครั้งนี้ ถือเป็นการต่อยอดจากเปิดโรงเรือนนวัตกรรมสร้างคุณค่า ORGANIC WASTE ที่เกาะสีชัง ให้เป็นศูนย์เรียนรู้และต่อยอดการสร้างอาชีพของชุมชน เมื่อปี 2566 โดยยึดกลยุทธ์ Sustainable Business Strategy ตามหลัก 4G ได้แก่ Green Corporate, Great Culture, Good Governance และ Global Sustainability

โดยหนึ่งในกิจกรรมสำคัญภายใต้ Green Corporate คือการสร้างแรงบันดาลใจและปรับเปลี่ยนแนวคิดตลอดซัพพลายเชน มุ่งเน้นการคัดแยกขยะต้นทางอย่างมีประสิทธิภาพ และการแยกขยะอินทรีย์ออกจากขยะรีไซเคิลและขยะทั่วไปให้มากที่สุด เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและมุ่งสู่ความยั่งยืนร่วมกัน

“จากการนำร่องโครงการที่เกาะสีชัง พบว่ามีชุมชนและสถานศึกษาหลายแห่งให้ความสนใจและนำแนวทางจากการศึกษาดูงานที่ศูนย์เรียนรู้เกาะสีชัง ไปขยายผล รวมถึงเรียนรู้จากกระบวนการจัดตั้งโรงเรือนที่โรงเรียนอนุบาลพระสมุทรเจดีย์ ที่เปิดตัวในครั้งนี้ ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของโครงการที่ช่วยส่งเสริมแนวคิดการจัดการขยะอินทรีย์ และสร้างความยั่งยืนในระดับชุมชนอย่างต่อเนื่อง” นายอดุลย์ กล่าว

สำหรับโครงการศูนย์เรียนรู้เกาะสีชัง บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับ วิสาหกิจเพื่อสังคม “เบตเทอร์ฟลาย” (Betterfly) ซึ่งมีวิสัยทัศน์เดียวกันด้านการจัดการขยะอินทรีย์ จึงได้พัฒนาโรงเรือนนวัตกรรมสร้างคุณค่า ORGANIC WASTE บนเกาะสีชัง เพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้และต้นแบบการสร้างอาชีพให้ชุมชน

โดยนำขยะอินทรีย์กลับมาใช้ประโยชน์สูงสุด สร้างผลกระทบเชิงบวกทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจของพื้นที่ พร้อมได้ขยายผลโครงการโดยสื่อสารและสร้างความร่วมมือกับ สถานศึกษา โรงพยาบาล วัด ชุมชน หน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ที่ให้ความสนใจเข้ามาศึกษาดูงานที่ศูนย์เรียนรู้บนเกาะสีชังอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ โครงการเปิดกว้างสำหรับการนำแนวทาง การจัดการขยะอินทรีย์และสร้างมูลค่าเพิ่ม ไปปรับใช้ในพื้นที่อื่น ๆ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาองค์ความรู้ การสร้างเครือข่ายความร่วมมือ และการส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนในระดับชุมชน เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ยั่งยืนและขยายผลไปสู่การเปลี่ยนแปลงในเชิงระบบต่อไป

ทั้งนี้ จากการดำเนินโครงการและการสื่อสารเชิงรุก ร่วมกับ BetterFly ส่งผลให้หลายหน่วยงานได้นำแนวทางการจัดการขยะอินทรีย์ ไปขยายผลและต่อยอดด้วยตนเอง ถือเป็นความสำเร็จที่สะท้อนถึงเป้าหมายของ Green Corporate ในการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ นำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียน และความยั่งยืนในระดับชุมชนอย่างแท้จริง

ตลอดเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯ ยังได้ดำเนินธุรกิจภายใต้หลัก Great Culture (Social) โดยมุ่งเน้นความยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสังคม ผ่านแนวทางที่สร้างผลกระทบเชิงบวกทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจหมุนเวียน ด้วยเป้าหมายไม่เพียงสนับสนุนชุมชนภายนอก แต่ยังเสริมสร้างจิตสำนึกด้านความยั่งยืนให้กับพนักงานภายในองค์กร

โดยมีโครงการสำคัญ ได้แก่
โครงการโรงเรือนนวัตกรรมสร้างคุณค่า ORGANIC WASTE การส่งเสริม การจัดการขยะอินทรีย์อย่างยั่งยืน ด้วยหนอน BSF (Black Soldier Fly) โดยนำไปเพิ่มมูลค่าเป็น “ปุ๋ยดินดำ” รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ได้จากกระบวนการนี้ อาทิ ปลอกดักแด้ หนอนสด และไข่หนอน ตลอดจนพัฒนา “ศูนย์เรียนรู้” เพื่อสร้างความตระหนักและส่งเสริมการสร้างอาชีพให้กับชุมชน

โดยเริ่มต้นที่โรงเรียนเกาะสีชัง และขยายผลสู่โรงเรียนอื่น ๆ ในปี 2568 นอกจากนี้ ยังมี โครงการ “กุ๊กขอเก็บ” ซึ่งต่อยอดจากโครงการ “คัดแยกขยะสัญจร” โดยบริษัทฯ ได้จัดทำตู้เก็บขวด PET และกระป๋องอลูมิเนียม เพื่อส่งเสริมการการคัดแยกขยะ และเพิ่มมูลค่า

โดยเชิญชวนคนในชุมชน ร้านค้า เข้าร่วม ด้วยการนำขวด PET หรือกระป๋องอลูมิเนียม มาหย่อนลงตู้เพื่อสะสมคะแนน นำไปใช้แลกของ หรือ ส่วนลดสินค้าของร้านค้าที่เข้าร่วม

อีกหนึ่งโครงการสำคัญคือ โครงการ “คัดแยกขยะสัญจร และธนาคารขยะ” โดยจัดกิจกรรม ส่งเสริมการคัดแยกขยะอย่างถูกต้องในชุมชนและโรงเรียน พร้อมระบบ “แลกเปลี่ยนขยะรีไซเคิลเป็นมูลค่า” คืนกลับให้คนในพื้นที่ เพื่อสร้างแรงจูงใจในการบริหารจัดการขยะ พร้อมกระตุ้นจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมและผลักดันแนวทางการจัดการขยะที่เป็นรูปธรรม เพื่อช่วยลดขยะฝังกลบและเพิ่มประสิทธิภาพการนำกลับมาใช้ใหม่มากขึ้น

นายอดุลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินงานดังกล่าว เป็นไปตามเป้าหมายการดำเนินนโยบายด้าน CSR ซึ่งให้ความสำคัญกับ 3 แนวทางหลัก ได้แก่ สิ่งแวดล้อม (Environment), สังคม (Social), และเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกอย่างเป็นยั่งยืน *

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *