เปลี่ยนระบบการศึกษาด้วย “คำพ่อสอน”

ถอดบทเรียน“ให้ครูรักเด็ก ให้เด็กรักครู” เปลี่ยนเด็ก–ครู–ชุมชน ด้วยกระบวนการคำพ่อสอน เกิดผลลัพธ์ภูมิคุ้มกันปัจจัยเสี่ยงและคุณภาพนักเรียน พร้อมจัดตั้งเป็นศูนย์เรียนรู้ขยายผล

“โครงการเรียนรู้เปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาด้วยคำพ่อสอน” สนับสนุนโดย สสส.-เครือข่ายงดเหล้า (สคล.) เดินหน้าพัฒนาการศึกษาไทยด้วยการน้อมนำศาสตร์พระราชาและพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (ในหลวงรัชกาลที่ 9) มาปรับใช้ โดยโครงการต่อเนื่องกว่า 16 ปี

บทพิสูจน์ว่า “การเริ่มต้นที่ประถม” คือแนวทางป้องกันปัญหาที่แท้จริง

น.ส.รจนา กลิ่นหอม ผอ.รร.ชุมชนวัดหาดสำราญ สพป.ชุมพร เขต 2 กล่าวว่า เข้าร่วมโครงการในปี 2553 แก่นของ โครงการคำพ่อสอน คือ “ให้ครูรักเด็กและให้เด็กรักครู” โดยแปลงเป็นกิจกรรมต่างๆ ตั้งแต่เปิดเทอม จนถึงปิดเทอมโดยใช้หลักจิตวิทยานีโอฮิวแมนนิสต์ ที่เน้นการเข้าใจหลักจิตวิทยาการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ ได้แก่ ความเข้าใจเรื่องคลื่นสมอง การใช้เพลงเพื่อสร้างพลังจิตใต้สำนึก การชื่นชมตนเอง การกอดสัมผัสและเข้าใจ และตระหนักว่าเด็กแต่ละคนแตกต่างกัน ครู เพื่อนร่วมงานก็เช่นกัน ซึ่งการเรียนรู้เข้าใจตนเองใช้กิจกรรมอบรมหลักสูตร “งาน พลังกลุ่ม และความสุข” โดยกิจกรรมไฮไลต์ คือ“กงล้อสัตว์ 4 ทิศ” กิจกรรมดังกล่าวทำให้เข้าใจเด็กได้ลึกขึ้น นำไปสู่การเรียนรู้และเติบโตร่วมกันอย่างแท้จริง

นอกจากนั้น ปัญหาปัจจัยเสี่ยงในเด็กเยาวชน ไม่ใช่แค่เรื่องพฤติกรรมของเด็กหรือผู้ปกครอง แต่คือปัญหาของกระบวนการจัดการศึกษาด้วย ดังนั้น การจัดการศึกษาจึงต้องคู่มือกิจวัตรคำพ่อสอนทั้งเช้า–กลางวัน–ก่อนกลับบ้าน เพื่อให้เด็กมีภูมิคุ้มกันต่อปัจจัยเสี่ยง เหล้า เบียร์ บุหรี่ พนัน อบายมุขต่างๆ ตั้งแต่ต้นทาง ผลลัพธ์ที่ได้ชัดเจน เด็กมีสมาธิ รับผิดชอบมากขึ้น ครูสอนง่ายขึ้น ปัญหาสิ่งเสพติดแทบไม่พบแล้ว

การฟื้นศรัทธา เรียกความเชื่อมั่น ครูเปลี่ยน…เด็กเปลี่ยน โรงเรียนเปลี่ยน และชุมชนเติบโตไปด้วยกัน

น.ส.ชดาษา จันพรมทอง หรือ ครูซาร่า รร.บ้านนาม่วง สพป.สงขลา เขต 3 ซึ่งเป็นพื้นที่พิเศษด้านความมั่นคงด้วย เปิดเผยว่า เข้าร่วมโครงการฯ ปี 2560 เปิดเผยว่า ตนเองเป็นลูกหลานคนในบ้านนี้ และหากไม่กลับมาแก้ปัญหาใครจะมาทำ “แววตาของนักเรียนทำให้ครูแสวงหาแนวทางแก้ปัญหา” จนมาเจอโครงการนี้ จึงตัดสินใจเริ่มต้นจากการ “เปลี่ยนตัวเองก่อน” เพราะตนเองเป็นคนที่แรง พูดตรง แต่การเรียนรู้กระบวนการคำพ่อสอนทำให้ขัดเกลาตนเองแล้วนำมาปรับใช้กับการสอน พร้อมชวนเพื่อนครูร่วมทำอย่างต่อเนื่อง

ความเปลี่ยนแปลงต้องเริ่มจากครู เมื่อครูเปลี่ยน เด็กและชุมชนจะค่อย ๆ เปลี่ยนตาม ใช้ “ความรักและความเชื่อมั่น” เป็นฐานในการฟื้นศรัทธา และสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้เด็กได้กลับมาพัฒนา ไม่กี่ปี เด็กเริ่มปรับพฤติกรรมดีขึ้น ผู้ปกครองกลับมาเชื่อมั่น จากโรงเรียนเล็กงบน้อยให้มีชีวิตใหม่ โรงเรียนที่เคยเสี่ยงปิดตัวกลับมามีนักเรียนเพิ่มจาก 40 คนเป็นราว 100 คน ชุมชนเชื่อมั่นและมีส่วนร่วมมากขึ้น เด็กมีพื้นที่เรียนรู้ ปรับพฤติกรรม และเติบโตได้จริง

ฐานการเรียนรู้ “โพธิสัตว์น้อยขอพ่อแม่เลิกเหล้า” จากเด็กไม่กล้า → สู่ผู้นำห้องเรียน

น.ส.วราพร คำปา (ครูอ้อ) รร.บ้านลวงเหนือ สพป.เชียงใหม่เขต1 กล่าวว่า เริ่มขับเคลื่อนงานปี 2554 โดยใช้กิจกรรม “โพธิสัตว์น้อยขอพ่อแม่เลิกเหล้า” เป็นฐานทดลองสร้างพื้นที่เรียนรู้ที่ปลอดภัยจากเหล้า–อบายมุข เด็กกล้าแสดงออกมากขึ้น ขณะเดียวกันครูก็ได้เรียนรู้การฟัง เข้าใจเพื่อนร่วมงาน–นักเรียนมากขึ้น โรงเรียนได้รับการยอมรับจากชุมชน และต่อยอดสู่กิจกรรมพัฒนาครอบครัว–ชุมชน เช่น เชิญผู้ใหญ่บ้าน–กำนันร่วมประกาศงดเหล้าเข้าพรรษา ออกเกียรติบัตรแก่ผู้เลิกดื่มและขยายกิจกรรมสู่ครอบครัว เด็กบางคนที่ไม่ค่อยกล้า เคยเงียบขรึม เมื่อได้เขียน“จดหมายสื่อรัก” ถึงผู้ปกครองส่งครู บางคนถึงกับร้องไห้ จดหมายเป็นตัวสื่อความรู้สึก ทำให้ครูเข้าใจปัญหาภายในใจเด็กมากขึ้น

วันนี้โรงเรียนบ้านลวงเหนือเป็นพื้นที่เรียนรู้วิถีไทลื้อ เป็น “โรงเรียนคำพ่อสอนของชุมชน” ที่มีชีวิต ไม่ใช่แค่หลักสูตรบนกระดาษ แต่คือการเปลี่ยนพฤติกรรมเด็ก ความสัมพันธ์ครูกับผู้ปกครอง และคุณภาพชีวิตคนทั้งหมู่บ้าน

การจะเปลี่ยนเด็ก ต้องเริ่มจากการเปลี่ยนครู และต้องเดินไปพร้อมกับพ่อแม่

น.ส.เยาวดี ย้อยสวัสดิ์ (ครูหนู) รร.บ้านคลองกก สพป.ชุมพรเขต2 เล่าว่า เข้าร่วมปี 2560 ตัดสินใจเข้าร่วมอบรมเพราะกังวลต่อปัญหาอบายมุขในชุมชน ทั้งกลุ่มเด็กและผู้ปกครองที่มีพฤติกรรมเสี่ยงเพิ่มขึ้น จึงหาวิธีดูแลเด็กให้ดีขึ้น ซึ่งได้เรียนรู้เรื่อง การรู้จักตนเอง และพลังกลุ่ม ทำให้เห็นชัดว่า เมื่อครูเปลี่ยน เด็กก็เปลี่ยนตาม เคยมีเด็กลักลอบสั่งพอตบุหรี่ไฟฟ้ามา เมื่อได้รับการพูดคุยด้วยกระบวนการใหม่ เด็กทุกคนหยุดพฤติกรรมเสี่ยงและสามารถเรียนต่อจนจบ ศิษย์เก่ายังกลับมาเยี่ยมเสมอ มีเด็กเพิ่มจากหลักสิบมากขึ้นเป็น 120 คน ในปัจจุบัน

นอกจากนี้ ได้ริเริ่ม “ห้องเรียนพ่อแม่” ให้ผู้ปกครองได้แลกเปลี่ยนความเข้าใจในการเลี้ยงดูเด็ก ผลลัพธ์ดีเกินคาด หลายครอบครัวปรับพฤติกรรม ลดดื่ม ลดขัดแย้ง และมีสายสัมพันธ์ในครอบครัวอบอุ่นขึ้น เมื่อโรงเรียน ครอบครัว และเด็กเข้าใจกัน วงจรการเรียนรู้ก็เดินต่อได้อย่างงดงาม

บทเพลงและเสียงชื่นชม ช่วยสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้เด็กๆ

น.ส.สุรัสวดี เลิกบางพลัด (ครูตาล) รร.วัดโสภณาราม (ปลั่งร่วมราษฎร์บำรุง) สพป.สมุทรสาคร เล่าว่า ในปี 2565 เริ่มจากกิจกรรมร้องเพลงกับเด็ก กิจกรรมโพธิสัตว์น้อยฯ โดยเลือกเด็กที่ไม่กล้าแสดงออก กลัวการพูดหน้าเวที มาฝึกความกล้า ซึ่งผลลัพธ์ก็ชัด เด็กหลายคนกลายเป็นผู้นำพูดเป็น กล้าแสดงออก และได้รับโอกาสมากขึ้นในโรงเรียน กิจกรรมที่ทำต่อเนื่อง เช่น จดหมายสื่อรัก, เพลงงดเหล้า–บุหรี่, บทชื่นชมตนเอง ช่วยให้เด็กค้นพบคุณค่าในตัวเอง ผู้ปกครองหลายคนได้รับอิทธิพลจากเพลง และข้อความของลูก ช่วยลด-เลิกดื่มตามด้วย เด็กเริ่มเห็นความดีของตนเองมากขึ้น กล้าบอกจุดแข็งของตัวเอง และมีกำลังใจในชีวิตประจำวัน การมีชุมนุมคำพ่อสอน มีเด็กสมัครเข้าร่วมเพิ่มจำนวนมาก โดยเฉพาะเด็กกลุ่มเสี่ยง เด็กหลังห้อง หรือเด็กที่เคยมีปัญหาปัจจุบัน เด็กกลุ่มเสี่ยงขอเข้าร่วมชุมนุมเอง เพราะรู้ว่านี่คือ “พื้นที่ปลอดภัยที่มีครูอยู่ข้างเขา”

โรงเรียนเล็กที่กลับมายืนได้ ด้วยไฟจากครูรุ่นใหม่

นางสาวจุฑาวรรณ รายา (ครูนะ) รร.บ้านท่าส้ม สพป.ตรัง เขต2 เปิดใจว่า เป็นน้องใหม่ ร่วมโครงการปี 2565 หลังย้ายกลับมาทำงานใกล้บ้าน สมัครเข้าร่วม โรงเรียนคำพ่อสอน ด้วยความตั้งใจที่จะพัฒนาตนเอง แต่เมื่อได้เข้ากรุงเทพฯ พร้อมเพื่อนครู ทุกคนกลับมาด้วย “ไฟและแรงบันดาลใจเต็มเปี่ยม” ปรับกิจวัตรประจำวันของนักเรียน ให้ทบทวนตัวเอง รับคำชมอย่างสร้างสรรค์ และสร้างภาพจำเชิงบวกแทนความรู้สึกด้อยค่า เช่น การท่องบท 10 ข้อทุกเช้า การสแกนกายใจ(body Scan) หลังพักเที่ยง เพื่อเตรียมสมองให้พร้อมเรียนต่ออย่างเห็นผล ปัจจุบัน จ.ตรัง ขยายเครือข่ายโรงเรียนคำพ่อสอน 29 แห่ง ซึ่ง รร.บ้านท่าส้ม คือหนึ่งในตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ในกิจวัตรประจำวัน เมื่อทำต่อเนื่อง ย่อมนำไปสู่การเติบโตทั้งเด็ก ครู และโรงเรียนได้อย่างงดงาม

“จากวันนั้น…ถึงวันนี้” บทเรียนที่ได้จาก 6 แห่ง ทางโครงการได้ขยายผลเป็น “ศูนย์เรียนรู้โรงเรียนคำพ่อสอน” เพื่อถ่ายทอดเชื่อมเครือข่ายโรงเรียนในเขตพื้นที่การศึกษาได้ร่วมเปลี่ยนแปลงกระบวนการเรียนการสอนไปด้วยกัน เพราะแท้จริงครูทุกคนมีจิตวิญญาณครูที่สร้างความมั่นคง สร้างความรัก และเสริมพลังให้กับนักเรียน เพียงแต่โครงสร้างการศึกษาที่รวมศูนย์ ภาระงานล้นเกิน การวัดผลวิทยฐานะเลื่อนขั้น เลื่อนเงินเดือน กลายเป็นดึงคุณค่าจิตวิญญาณของครู แต่กระบวนการคำพ่อสอน คือการกลับมาที่พื้นฐานการศึกษาคือ “การเปลี่ยนแปลงตนเอง” เมื่อตนเองเปลี่ยนจะนำไปสู่การเปลี่ยนนักเรียน และชุมชนนั่นเอง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *