ณ ห้องประชุมจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ชั้น 2 อาคาร วช. 1 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ซึ่งเป็นหน่วยบริหารทุนวิจัยหลักของประเทศ ได้เห็นความสำคัญของปัญหานี้ โดยขับเคลื่อนโครงการวิจัย ขนาดใหญ่ที่มีเป้าหมายชัดเจน เรียกว่า “โครงการวิจัยท้าทายไทย” สนับสนุนทุนโครงการ “ประเทศไทย ไร้พยาธิใบไม้ตับ” ให้กับเครือข่ายการวิจัย โดยมีมหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็นแกนนำ ตั้งเป้าท้าทายให้โรคพยาธิใบไม้ตับหมดไปจากประเทศไทยภายใน 5 ปี
ทั้งนี้ในปัจจุบันคนไทยเสียชีวิตจากโรคมะเร็งท่อน้ำดีจำนวนกว่า 20,000 รายต่อปี มากที่สุดในโลก โดยส่วนใหญ่ อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อายุระหว่าง 40-60 ปี เป็นโรคที่รุนแรงและก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตเป็นอย่างมาก โดยสาเหตุหลักเกิดจากการบริโภคปลาน้ำจืดเกล็ดขาวดิบๆที่มีตัวอ่อนพยาธิเข้าไปอาศัยอยู่ จึงทำการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับสู่คนและเป็นสาเหตุสำคัญของมะเร็งชนิดนี้
ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ทำหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า “สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เป็นหน่วยบริหารทุนวิจัยหลักของประเทศ และเป็นหน่วยงานกลางที่ประสานเชื่อมโยงทุกภาคส่วนมาทำงานร่วมกันบนฐานงานวิจัย ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม มีโครงการวิจัยท้าทายไทยเป็นกลยุทธ์หลักและได้จัดสรรทุนโครงการ “ประเทศไทย ไร้พยาธิใบไม้ตับ” ภายใต้โครงการวิจัยท้าทายไทยตั้งแต่ปี 2559
โดยได้ท้าทายนักวิจัยศึกษาและดำเนินการให้โรคพยาธิใบไม้ตับหมดไปจากประเทศไทยภายใน 5 ปี บูรณาการความร่วมมือของนักวิจัยจากหน่วยงานต่างๆ และที่สำคัญคือชุมชน เพื่อให้เกิดผลลัพธ์อย่างยั่งยืน และจากการดำเนินงานที่ผ่านมาโครงการวิจัยท้าทายไทย: ประเทศไทยไร้พยาธิใบไม้ตับ (Fluke Free Thailand) เกิดผลสำเร็จเป็นอย่างมากจากการทำวิจัยและนำผลไปใช้ในพื้นที่ ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบที่สำคัญ ดังนี้
1) ลดอัตราผู้ป่วยติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับในกลุ่มเสี่ยงจากร้อยละ 42.8 เป็นร้อยละ 13.4 และขณะนี้ลดลงเหลือร้อยละ 7.7 เท่ากับลดลง 6 เท่า
2) เพิ่มการเข้าถึงการรักษา โดยจำนวนผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีระยะเริ่มต้นสามารถเข้ารับการผ่าตัดเพิ่มจากร้อยละ 21.8 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 84.5 เท่ากับเพิ่มขึ้น 4 เท่า
3) ลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดี โดยอัตราการรอดชีพใน 5 ปีของผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดเพิ่มจากร้อยละ 17.3 เพิ่มเป็นร้อยละ 48.3
นอกจากนี้โครงการยังได้สร้างและพัฒนาระบบ รวมถึงนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นมามากมาย อาทิ
1) Isan Cohort ซึ่งเป็นระบบฐานข้อมูลเพื่อติดตามการทำงานในการคัดกรอง เฝ้าระวังและรักษา ทั้งกลุ่มเสี่ยงและผู้ป่วยโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี
2) ระบบการคัดกรองกลุ่มเสี่ยงมะเร็งท่อน้ำดี ที่มีการลงทะเบียนกลุ่มเสี่ยงจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล และทำอัลตร้าซาวด์โดยแพทย์ โดยภาพของการตรวจจะถูกส่งเข้าระบบสามารถตรวจสอบและยืนยันผลโดยรังสีวิทยาแพทย์ผ่านระบบ Teleradiology Consultation System ซึ่งช่วยลดปัญหาการขาดแคลนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและลดค่าใช้จ่ายของคนไข้ในการเดินทางมารับการตรวจ
3) คู่มือการผลิตปลาร้าและปลาส้มที่ปลอดพยาธิใบไม้ตับและโรงงานต้นแบบปลาร้าปลาส้มปลอดพยาธิ
4) ฟาร์มปลาปลอดพยาธิ /คู่มือการเลี้ยงปลาปลอดพยาธิ และข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการเลี้ยงปลาปลอดพยาธิ
5) ต้นแบบการจัดการสิ่งปฏิกูลด้วยระบบลานทรายกรองร่วมกับโรงเรือนกระจก
6) หลักสูตรการป้องกันโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดีระดับประถม มัธยมต้น และมัธยมปลาย
7) เครือข่ายนานาชาติการแก้ไขปัญหาพยาธิใบไม้ตับโดยร่วมกับประเทศลาว
8) รูปแบบการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาโรคพยาธิใบไม้ตับ และมะเร็งท่อน้ำดีโดยผ่านกลไกคณะกรรมการเขตสุขภาพเพื่อประชาชน (กขป.) และ คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.)
โครงการวิจัยท้าทายไทยซึ่งมีเป้าหมายชัดเจนนี้ ทำให้เกิดการขับเคลื่อนการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อนำไปใช้ในการแก้ไขปัญหาสำคัญให้กับประเทศอย่างแท้จริง และทำให้ประชาชนเข้าถึงการบริการที่เกี่ยวข้องกับโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี ทั้งในระดับปฐมภูมิ ทุติยภูมิ และตติยภูมิ อย่างทันเวลา เท่าเทียม มีคุณภาพ และสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ซึ่งความสำเร็จจากโครงการวิจัยท้าทายไทยซึ่งเป็นโครงการสำคัญที่มีเป้าหมายชัดเจน สามารถให้ทุนวิจัยขนาดใหญ่ (Block grant) อย่างต่อเนื่องหลายปี และมีการบริหารจัดการ ติดตามและประเมินผลอย่างเป็นระบบ วช.จึงได้รับมอบหมายจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ให้ขยายผลและขับเคลื่อนโครงการวิจัยท้าทายไทยในประเด็นสำคัญต่างๆ ของประเทศในระยะต่อไป
รศ.นพ.ณรงค์ ขันตีแก้ว ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยมะเร็งท่อน้ำดี กล่าวว่า “โรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดีเป็นภัยร้ายที่คร่าชีวิตประชาชนในภาคอีสานเป็นจำนวนมาก ซึ่งผลจากการสำรวจพบว่ามีผู้เสียชีวิตมากกว่าปีละกว่า 20,000 คน หรือเดือนละกว่า 1600 คน ซึ่งถือว่าเยอะมาก ทั้งนี้ส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมการบริโภคปลาเกล็ดขาวแบบสุกๆ ดิบๆ ซึ่งจะรับพยาธิใบไม้ตับเข้าสู่ร่างกายไปอาศัยอยู่บริเวณท่อน้ำดีมีผลทำให้ท่อน้ำดีอักเสบ และจะอาศัยอยู่ในร่างการเรายาวนานกว่า 20 ปี จนทำทำให้เกิดพังผืดรอบท่อน้ำดี และพัฒนาไปเป็นมะเร็งท่อน้ำดีในอนาคต
ทั้งนี้พบว่าพยาธิใบไม้ตับเป็นพยาธิชนิดเดียวที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งท่อน้ำดีส่วนพยาธิชนิดอื่นๆไม่พบว่าก่อให้เกิดโรคมะเร็งแต่อย่างใด และพยาธิใบไม้ตับจะพบเฉพาะในปลาน้ำจืดเกล็ดขาววงศ์ปลาตะเพียนเท่านั้น เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้มีความยั่งยืนทางสถาบันวิจัยมะเร็งท่อน้ำดี จึงได้ประสานงานและขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาดังกล่าวร่วมกับ กขป.7 และ จังหวัดขอนแก่น ผ่านกลไกของคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ พชอ.ซึ่งจะมีการนำเอานวัตกรรมและงานวิจัยด้านต่างๆ มาประยุกต์ใช้แก้ไขปัญหาในพื้นที่อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ได้ในอนาคตอันใกล้
ด้านนายสุทธินันท์ บุญมี ประธานคณะกรรมการเขตสุขภาพเพื่อประชาชนเขต 7 กล่าวเสริมว่า สำหรับเขตพื้นที่ความรับผิดชอบของเขต 7 นั้นได้มีการตรวจสอบข้อมูลพบการแพร่ระบาดของโรคพยาธิใบไม้ตับ และการเกิดโรงมะเร็งท่อน้ำดีของชาวบ้านเป็นจำนวนมาก ทางคณะกรรมการเขตสุขภาพเพื่อประชาชน เขตพื้นที่ 7 จึงร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงาน รวมถึงมหาวิทยาลัยขอนแก่นที่เป็นแกนนำของโครงการนี้เพื่อแก้ปัญหาการระบาดโรคพยาธิใบไม้ตับ และมะเร็งท่อน้ำดี โดยตั้งเป้าไว้ที่จังหวัดละ 2 อำเภอพื้นที่ ซึ่งพื้นที่นำร่องได้แก่ จังหวัดขอนแก่นเริ่มที่ อ.บ้านไผ่ และ อ.บ้านแฮด จังหวัดมหาสารคาม เริ่มที่ อ.โกสุมพิสัย และ อ.กันทรวิชัย จังหวัดร้อยเอ็ด และ จังหวัดกาฬสินธุ์
ทั้งนี้จังหวัดที่เข้าไปดำเนินการเป็นกลุ่มจังหวัดที่สถาบันวิจัยมะเร็งท่อน้ำดีพบข้อมูลการระบาดของโรคฯ จึงได้นำเอาโครงการวิจัยในด้านต่างๆ ลงมาขับเคลื่อนพร้อมอบรมจิตอาสาลงพื้นที่ให้ความรู้กับชาวบ้านให้ตระหนักถึงพิษภัยการบริโภคอาหารสุกๆดิบๆ ทั้งนี้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตโดยเฉพาะประชาชนในภาคอีสานให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งท่อน้ำดีลงให้เหลือน้อยที่สุด