นายณัฏฐ์ ธีรณัฐสุภานนท์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการธรรมาภิบาลแห่งชาติ เปิดเผยว่า ภายหลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากนักกีฬาฮ๊อกกี้น้ำแข็งทีมชาติไทย ซึ่งถูกปลอมรายมือชื่อเพื่อใช้ในการเบิกเบี้ยเลี้ยงการฝึกซ้อมและแข่งขันหรือไม่นั้น โดยความคืบหน้าล่าสุดฝ่ายกฎหมายของโจทก์ได้นำหมายศาลเพื่อขอให้ ผู้อำนวยการฝ่ายการคลัง การกีฬาแห่งประเทศไทย หรือผู้แทนขึ้นเบิกความ
นายณัฏฐ์ ธีรณัฐสุภานนท์ กล่าวต่อไปว่า คดีนี้มีข้อพิพาทอยู่ในชั้นศาล เป็นคดีหมายเลขดำ อ.2156/61เมื่อศาลสั่งประทับรับฟ้อง ตามประมวลกฎหมายพิจารณาความอาญา ผู้ฟ้องก็จะอยู่ในสถานะโจทก์ และผู้ถูกฟ้องก็จะอยู่ในสถานะจำเลย ซึ่งต่อไปนี้ฝ่ายโจทก์ก็จะต้องนำพยานหลักฐาน ทั้งพยานหลักฐานที่เป็นตัวบุคคล และพยานเอกสารแวดล้อมต่างๆ เบิกความให้ศาลเห็นเป็นที่ประจักษ์ในสำนวนตามฟ้อง ส่วนจำเลยก็จะต้องนำพยานหลักฐาน ทั้งพยานหลักฐานที่เป็นตัวบุคคล และพยานเอกสารแวดล้อมต่างๆ เบิกความหักล้างข้อกล่าวหาของโจทก์เพื่อให้ศาลเห็นเช่นเดียวกัน
โดยทั้งสองฝ่ายจะต้องทำหน้าที่พิสูจน์ให้ศาลเห็นจนสิ้นกระแสความ ในส่วนของโจทก์ได้มีการนำหมายศาลเพื่อเชิญผู้อำนวยการฝ่ายการคลัง หรือ ผู้แทน มาขึ้นเบิกความในฐานะพยานที่มีส่วนรับรู้รับทราบอีกทั้งได้อนุมัติเงินเบี้ยเลี้ยงของนักกีฬาตามข้อกล่าวอ้างจำนวนดังกล่าวไป ซึ่งแต่ละฝ่ายก็ต่างทำตามหน้าที่ของตน ทั้งนี้จะไปก้าวล่วง และหรือละเมิดอำนาจของศาลมิได้
เลขาธิการธรรมาภิบาลฯ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับการตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณีดังกล่าวข้างต้น แม้พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทยได้ทำคำสั่งปกครองให้การกีฬาแห่งประเทศไทยตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้วนั้น แต่ผลการสอบสวนข้อเท็จจริงก็ยังไม่ปรากฏ ซึ่งตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯมาตรา9 วรรคหนึ่ง ห้ามมิให้หน่วยงานของรัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐ ปฏิบัติงานล่าช้าเกินควร ทั้งหลายทั้งมวลได้ส่งเรื่องให้นายบุญลือ ประเสริฐโสภา ประธานกรรมาธิการกีฬา สภาผู้แทนราษฎรได้ติดตามเรื่องนี้แล้ว แต่ประธานคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งมีหน้าที่โดยตรง ก็จักต้องกำกับดูแล ติดตาม ตรวจสอบ คำสั่งปกครองดังกล่าวว่า เกิดผลสัมฤทธิ์หรือไม่