จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) โดยมีต้นกำเนิดของการแพร่ระบาดมาจากประเทศจีน และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการแพร่ระบาดจากคนสู่คน ซึ่งในปัจจุบันมีจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มมากขึ้นในหลายประเทศทั่วโลกกว่า ๗๗ ประเทศ ประเทศไทยเป็นหนึ่ง ในประเทศที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว โดยข้อมูล ณ วันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๓ พบผู้ติดเชื้อจำนวนกว่า ๙๒,๒๗๒ คน ซึ่งส่วนใหญ่มากกว่าร้อยละ ๘๐ เป็นผู้ติดเชื้อในประเทศจีน WHO จึงได้เผยแพร่เอกสาร Report of the WHO-China Joint Mission on Coronavirus Disease 2019 (COVID-19) เพื่อถ่ายทอดข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการทำความเข้าใจโรคและนำไปสู่การกำหนดมาตรการและวิธีการที่ถูกต้อง เหมาะสม
ศาสตราจารย์ นายแพทย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ทำหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติเปิดเผยว่า กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ได้มอบหมายให้สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ทำหน้าที่เป็นหน่วยประสานงานด้านการวิจัยและวิชาการ โดยการดำเนินงานสนับสนุน กระทรวงสาธารณสุข ในด้านการขับเคลื่อนงานวิจัยเชิงรุกและนำเสนอข้อมูลทางวิชาการที่ถูกต้องเผยแพร่สู่สาธารณะ และจากการที่องค์การอนามัยโลกส่งผู้เชี่ยวชาญจำนวน 25 คน เข้าไปในประเทศจีน จุดเริ่มต้นของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เขาเหล่านั้นเจออะไรบ้าง เพื่อเป็นบทเรียนสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และประชาชน
วช. จึงเห็นสมควรจัดการเสวนาเรื่อง “ องค์การอนามัยโลก…เจออะไรที่ประเทศจีน” ในวันพฤหัสบดีที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๓ เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๑.๐๐ น. ณ ห้องประชุมสุกัญญา ชั้น ๓ อาคาร วช. ๒ เพื่อนำเสนอข้อมูลและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นจากรายงานของ WHO ดังกล่าว ตลอดจนช่วยลดข้อกังวลสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องกับประชาชน ทั้งนี้ ด้วยสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการจัดเสวนาที่มีประชาชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก วช. จึงได้จัดประชุมเสวนาผ่านระบบออนไลน์เพื่อผ่านการถ่ายทอดสดทาง Facebook live นำร่อง ให้หน่วยงานอื่น ๆ ที่มีความจำเป็นต้องจัดการประชุมหรืองานเสวนาได้นำไปใช้เป็นตัวอย่างในการดำเนินการตามสถานการณ์ในปัจจุบัน
จึงขอเชิญชวนผู้สนใจติดตามการสัมมนาวิชาการบรรยากาศใหม่ในยุค COVID-19 เรื่อง “องค์การอนามัยโลก…เจออะไรที่ประเทศจีน : บทเรียนสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และประชาชน” ได้ในวันที่ 5 มีนาคม 2563 เวลา 09.00-11.00 น. ทาง Facebook Live @NRCTOFFICIAL