พม.รับสถานการณ์สู้ภัยโควิด-19 เร่งช่วยประชาชนผู้มีรายได้น้อยนำทรัพย์สินมาจำนำในอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อนำเงินไปบรรเทาความเดือดร้อนในการดำรงชีพ ให้สถานธนานุเคราะห์ จัดทำโครงการ “สธค. โรงรับจำนำของรัฐ สู้ภัยโควิด-19” โดยรับสิทธิพิเศษ 3 อย่างฟรี
ขยายเวลาตั๋วจำนำให้ 3เดือน ไม่คิดดอกเบี้ย รับของที่ระลึกครบรอบ 65 ปี จัดกิจกรรมให้ความรู้แก่ประชาชน ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชนผ่านพ้นภาวะวิกฤต เริ่มพ.ค.นี้ ณ โรงรับจำนำ 39 สาขาทั่วประเทศ ระบุมีงบรองรับประมาณ 900 ล้านบาท คาดจะมีผู้มาใช้ใหม่บริการราว 1แสนคน เล็งขอดึงเม็ดเงินซอฟท์โลนของรัฐบาลเสริมในขั้นต่อไป หากประเมินพบความต้องการเพิ่ม รายละเอียดที่ www.pawn.co.th
นายปรเมธี วิมลศิริ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จากสถานการณ์ปัจจุบัน การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 มีแนวโน้ม ลุกลามและส่งผลกระทบรุนแรงในวงกว้างต่อภาคธุรกิจและภาคประชาชนทั่วไปเป็นอย่างมาก และจากข้อมูลของสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหรือ สศช. มองว่า จีดีพีของไทยจะขยายตัวลดลงทำให้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนขยายตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่การส่งออก ค่าเงินบาท ภัยแล้ง และไวรัสโควิด -19 จะทำให้แรงงานและสังคมไทยได้รับผลกระทบ
จากปัญหาที่เกิดขึ้นทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ตระหนักถึงผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากปัจจัยต่างๆที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ประกอบกับตามวัตถุประสงค์ขององค์กร ที่ให้ความช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้น้อยหรือผู้ที่ประสบปัญหาทางการเงินเฉพาะหน้าโดยการนำทรัพย์สินมาจำนำในอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อนำเงินไปบรรเทาความเดือดร้อนในการดำรงชีพ
ทั้งนี้กำหนดให้ สธค. โรงรับจำนำของรัฐจัดทำโครงการ “สธค. โรงรับจำนำของรัฐ สู้ภัยโควิด-19” โดย รับสิทธิพิเศษ 3 ฟรี คือ ฟรีที่ 1 ขยายเวลาตั๋วจำนำ 90 วัน โดยไม่คิดดอกเบี้ย ฟรีที่ 2 รับของที่ระลึกครบรอบ 65 ปี ฟรีที่ 3 กิจกรรมให้ความรู้แก่ประชาชน การอบรมเรื่อง “ทองคำ” ให้แก่บุคคลภายนอก การให้ความรู้เรื่องการบริหารเงิน กิจกรรมทั้งสองจะถูกจัดขึ้นในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ ติดตามรายละเอียดได้ที่ “http://www.pawn.co.th” ด้วยมาตรการที่เกิดขึ้นนี้จะช่วยเหลือ ผ่อนคลายจากภาวะความวิตกต่อการดำเนินชีวิต และช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้สามารถดำเนินชีวิตหรือ เพื่อให้ผ่านพ้นภาวะวิกฤตนี้ต่อไป
ทางด้านนายประสงค์ พันธ์ลิมา ผู้อำนวยการสำนักงานธนานุเคราะห์ ได้กล่าวถึงรายละเอียดโครงการ “สธค. โรงรับจำนำของรัฐ สู้ภัยโควิด – 19” ว่า มีนโยบายช่วยเหลือบรรเทาภาระด้านการเงินให้กับประชาชนผู้ได้รับผลกระทบด้วยมาตรการ สู้ภัยโควิด-19” รับสิทธิพิเศษ 3 ฟรี
ฟรีที่ 1 ขยายเวลาตั๋วจำนำ 90 วัน แก่ผู้มาใช้บริการวงเงินไม่เกิน 10,000 บาท ที่มีตั๋วจำนำตั้งแต่ระหว่างวันที่ 3 มกราคม ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2563 จะขยายอายุตั๋วจำนำจาก 4 เดือน 30 วัน เป็น 4 เดือน 120 วัน โดยไม่คิดดอกเบี้ย ในส่วนที่ขยายระยะเวลา ทั้งนี้ ต้องมาลงทะเบียนที่สถานธนานุเคราะห์ทุกแห่ง หรือช่องทางการสื่อสารของ สธค.โรงรับจำนำของรัฐ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 31 พฤษภาคม 2563 จำกัด 1 คน 1 สิทธิ์
ฟรีที่ 2 รับของที่ระลึกครบรอบ 65 ปี เนื่องจากในปีนี้ สธค.โรงรับจำนำของรัฐ ได้ก่อตั้งมานานเป็นระยะเวลา 65 ปี จึงได้จัดทำของที่ระลึก เพื่อตอบแทนผู้มาใช้บริการทุกท่าน รับได้ที่สถานธนานุเคราะห์ทุกแห่ง เฉพาะผู้ที่มาใช้บริการในวันพุธที่ 29 เมษายน 2563
ฟรีที่ 3 กิจกรรมให้ความรู้แก่ประชาชน การอบรมเรื่อง “ทองคำ” ให้แก่บุคคลภายนอก การให้ความรู้เรื่องการบริหารเงิน
ผู้อำนวยการสำนักงานธนานุเคราะห์ กล่าวต่อว่า สำนักงานธนานุเคราะห์ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีหน่วยงานสาขาที่ให้บริการที่รู้จักกันชื่อว่า “สถานธนานุเคราะห์” หรือ สธค.โรงรับจำนำของรัฐบาล นับเป็นทางเลือกหนึ่งที่ทำให้ประชาชนได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนอัตราดอกเบี้ยต่ำ ได้รับบริการที่ทันสมัย สะดวก รวดเร็ว
ทั้งนี้สามารถใช้บริการได้ที่ สถานธนานุเคราะห์ทั้ง 39 สาขา ในเขตกรุงเทพมหานคร 29 แห่ง เขตปริมณฑล (นนทบุรี 2 แห่ง ปทุมธานี 1 แห่ง สมุทรปราการ 1 แห่ง) และส่วนภูมิภาค (จ.ระยอง 2 แห่ง จ.ลำพูน 1 แห่ง จ.สุราษฎร์ธานี 1 แห่ง จ.อุดรธานี 1 แห่ง และ จ.พิษณุโลก 1 แห่ง) และมีแผนที่จะขยายสาขาปีละ2 แห่ง โดยปี 2563 นี้จะขยายที่ ชลบุรี และพระนครศรีอยุธยา
“ลูกค้ากลุ่มใหม่ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด คาดว่าจะมีประมาณ 100,000 ราย ที่อิงจากฐานข้อมูลลูกค้าของเรา วงเงินเท่าไหร่ได้เตรียมไว้แล้วรอมติบอร์ด เรามีโมเดลอยู่แล้ว เมื่อผ่านมติบอร์ด ก็จะส่งไปสู่การพิจารณาคณะรัฐมนตรีในสถานการณ์ปกติแต่ละปีเราจะมีงบประมาณที่ได้จากการกู้ธนาคารของรัฐดอกเบี้ยต่ำเพื่อนำมาใช้ลงทุนบริหารจัดการปีละประมาณ 500-1,000 ล้านบาท
การกู้ในแต่ละปีจะแตกต่างกันขึ้นอยู่สภาพเศรษฐกิจและสถานการณ์ต่างๆอย่างในปี 2ปีก่อนหน้านี้การใช้บริการค่อนข้างจะนิ่ง แต่มาปีที่แล้วที่เกิดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน เริ่มมีกระทบการส่งออก ภาวะภัยแล้ง เริ่มกระทบเป็นลูกโซ่ ฝ่ายด้านวิชาการของ สธค. ได้ศึกษาอัตราการจนของลูกค้ากลุ่มใหม่ พบลูกค้ารายเดิมส่วนใหญ่ การใช้บริการจะขึ้นกับเหตุการณ์แวดล้อมของไตรมาสนั่นๆ อาทิ ช่วงแบล็คทูสคูล เปิดเทอม จะเข้ามาใช้บริการกันมากขึ้นและเมื่อเกิดภาวะโรคระบาด ก็เข้าสู่ภาวะช็อค ทาง สธค. จึงต้องจัดตั้งทีมงานศูนย์วิชาการศึกษาสภาพผู้ใช้บริการโรงรับจำนำผู้มีรายได้น้อยที่เพิ่มขึ้นและอิงข้อมูลจากสื่อต่างๆเพื่อเอามาประเมินผลตลอดเวลา
อย่างไรก็ตามเรามีโครงการขอปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ หรือซอฟท์โลนจากธนาคารรัฐ เพื่อนำมาใช้ให้บริการผู้ที่เข้ามาใช้บริการรับจำนำ ทั้งนี้ในปัจจุบันเรามีงบประมาณสำรองอยู่แล้ว 900 ล้านบาท เป็นของสธค.เอง 400 ล้านบาทและกู้จากธนาคารออมสิน500 ล้านบาท หลังเปิดตัวโครงการนี้แล้ว ในเดือนพฤษภาคมจะประเมินว่า มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากน้อยอย่างไร เพื่อจัดทำแผนระยะสั้นและกลางต่อไป ส่วนอัตราดอกเบี้ยโรงรับจำนำสธค.ปัจจุบัน สำหรับวงเงิน 5,000 บาท อยู่ที่ร้อยละ 0.25 วงเงิน10,000 บาท ดอกเบี้ยอยู่ ที่ร้อยละ 0.75 วงเงิน 10,000-20,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ1 และวงเงิน 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ 1.25”