“อ.เวียงสระ” สุราษฎร์ ชู ประวัติศาสตร์-ศิลปพื้นบ้าน นำคนเลิกเหล้า พร้อมสร้างเยาวชนเห็นคุณค่าตนเอง สร้างประโยชน์ต่อชุมชน
“รู้สึกละอายแก่ใจ หากต้องไปพูดรณรงค์ให้คนเลิกเหล้า ขณะที่ตนเองก็ยังดื่มอยู่ เลยตัดสินใจหักดิบเลิกเหล้า ตั้งแต่นั้นมาไม่แตะต้องแอลกอฮอล์อีกเลย ทั้งที่เป็นคนดื่มหนักมาก ดื่มทุกวันอย่างน้อยวันละ 2 ขวด หมดเงินไปกับเหล้าเดือนนึงไม่ต่ำกว่า 5-6 พันบาท เลิกแล้วนอกจากสุขภาพกาย เรายังได้เงินกลับมาอีก” นายรัตตพล สุวรรณโชติ หรือ ครูพล วัย 63 ปี ปราชญ์ชุมชนประวัติศาสตร์เมืองเวียง อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวถึงความรู้สึกในวันแรกของการตัดสินใจเลิกดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดแบบหักดิบเมื่อสองปีก่อน โดยร่วมเป็นหนึ่งในเครือข่าย สคล. (สำนักงานเครือข่ายองค์กรคนงดเหล้า) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
พร้อมย้ำว่า เนื่องจากตนเองเป็นแกนนำในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการนำประวัติศาสตร์ชุมชนมาเป็นจุดขายด้านการท่องเที่ยว โดยดึงเยาวชนมาเป็นหัวแรงสำคัญ ในการเผยแพร่ประวัติศาสตร์เมืองเวียงซึ่งมีอายุราวกว่า 1,000 ปี ด้วยการเป็นมัคคุเทศก์น้อย รวมไปถึงรณรงค์ป้องกันปัญหายาเสพติด และการลด ละ เลิกเหล้า ของคนในพื้นที่ด้วย ดังนั้น จึงต้องเป็นต้นแบบที่ดีในทุกด้านให้กับลูกหลาน ประกาศตนเป็นคนเลิกเหล้าต่อสาธารณะนับแต่นั้น
กลยุทธ์ในการชวนคนเลิกเหล้า ครูพล เล่าว่า เน้นการสร้างกำลังใจ สร้างแรงจูงใจ โดยเริ่มจากคนรุ่นราวคราวเดียวกันบริเวณบ้านใกล้เรือนเคียงก่อน ด้วยการ ทำให้ดู อยู่ให้เห็น ว่าการไม่ดื่มแอลกอฮอล์นั้นมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างไร ขนาดคนที่ดื่มหนักอย่างตนชนิดรั้วบ้านเต็มไปด้วยขวดเหล้าแต่ก็ยังสามารถเลิกเหล้าได้ ดังนั้น คนอื่นก็ทำได้เช่นกัน และกว่า 2 ปี ที่ร่วมรณรงค์ให้คนเลิกเหล้า ปัจจุบันเพื่อนบ้านโดยรอบเรือนครูพลสามารถเลิกเหล้าได้เกือบ 100 %
นอกจากนี้ ในกลุ่มของเยาวชน ครูพลใช้วิธีการดึงความสนใจของน้องๆ วัยรุ่นออกจากอบายมุข เหล้า บุหรี่และยาเสพติด ด้วยการจัดพื้นที่ให้เยาวชนได้ค้นหาศักยภาพของตนเองและแสดงความสามารถในทุกโอกาส ทั้งในด้านศิลปะวัฒนธรรมพื้นถิ่น โดยกลุ่มเมล็ดพันธุ์บันเทิง เช่น มโนราห์ หนังตะลุง ซึ่งนอกจากความสนุกสนานที่ได้รับจากการแสดง ยังสอดแทรกเนื้อหาสาระการรณรงค์ให้คนเลิกเหล้าไปในบทกลอนของมโนราห์และหรือบทของหนังตะลุงด้วย รวมไปถึงการสนับสนุนให้ฝึกอาชีพสร้างรายได้ด้วยตนเอง ทั้งนี้ เพื่อสร้างกำลังใจให้กับเยาวชนได้เห็นคุณค่าของตนเองว่าสามารถสร้างประโยชน์ให้กับท้องถิ่นและสังคมได้
“เรื่องเหล้าหรือยาเสพติด กับเด็กๆ เราจะไม่พูดโดยตรง แต่ดำเนินการในลักษณะการดึงความสนใจของเขาออกจากสิ่งไม่ดีเหล่านั้น โดยหาเวทีให้เขาแสดงศักยภาพ มีพื้นที่ให้เขาแสดงออก เดือนละ 1-2 ครั้ง รวมถึงการจัดฝึกอาชีพ เช่น การทำสบู่ เขาก็จะมีรายได้
ฝึกให้เขาใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ โดยดึงหัวโจกออกมาสักคนก่อน สนับสนุนให้เขาเป็นต้นแบบที่ดี แล้วเขาก็จะเป็นคนดึงเพื่อนๆของเขาออกมาจากสิ่งไม่ดีกันเอง เหมือนเพื่อนชวนเพื่อน เด็กวัยนี้เขาจะฟังเพื่อน ให้เขาคิดเองโดยดูเพื่อนเป็นตัวอย่าง เราก็ดูอยู่ห่างๆ คอยเป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษา
ในเร็วๆ นี้ผมจะจัดพิธีบวชลูกชายโดยไม่มีการเลี้ยงเหล้า จะเป็นรายแรกของชุมชน มีเสียงตอบรับว่าทำแบบนี้ดีจะเป็นการได้บุญแบบสมบูรณ์ แล้วก็ไม่ต้องเสียเงินซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาเลี้ยงผู้คนจำนวนมากอีกด้วย ” ครูพลกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นในการดังกล่าว
ด้าน นายแพทย์คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ประธานคณะกรรมการบริหารแผน คณะที่ 1 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า การดื่มแอลกอฮอล์เป็นการบั่นทอนสุขภาพและยังบั่นทอนพัฒนาการของสังคมและประเทศชาติ โดยเฉพาะเยาวชนซึ่งเป็นกำลังสำคัญในอนาคต มีข้อมูลทางวิชาการที่สนับสนุนการกำหนดเกณฑ์ในการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ว่าไม่สามารถจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปีได้
เนื่องจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในผู้ที่มีอายุยังน้อย จะส่งผลต่อการทำลายสมองและมีโอกาสสูงที่จะติดแอลกอฮอล์ได้ นอกจากนี้ยังมีข้อมูลเสริมว่าในประเทศไทยมีผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์นับล้านคนที่อยู่ในภาวะติดสุราจนไม่สามารถดูตนเองหรือส่งกระทบต่ออาชีพการงาน ดังนั้นถ้าเราอยากเห็นประเทศเราพัฒนาก้าวหน้าไป เราต้องช่วยกันป้องกันและแก้ปัญหาเรื่องนี้
ความสำเร็จของชุมชนเมืองเวียงสระที่ร่วมแรงร่มใจกันบูรณาการจนนำไปสู่ชุมชนคนสู้เหล้า โดยใช้เวลาเพียงแค่ 2 ปี วันนี้พร้อมประกาศจัดตั้ง ศูนย์เรียนรู้ ชุมชนคนงดเหล้า พึ่งตนเองตามวิถีพอเพียง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอกย้ำความสำเร็จครั้งนี้โดย นายไพบูลย์ นุ้ยเจริญ รองนายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลเมืองเวียง อ.เวียงสระ จ. สุราษฎร์ธานี กล่าวเสริมว่า ตั้งแต่ที่สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า และ สสส. เข้ามาสนับสนุนให้เกิดการทำงานในปี 2560
ทำให้เวียงสระซึ่งเป็นชุมชนโบราณ เชื่อมประสานทุกภาคส่วนร่วมดำเนินการสร้างความเข้มแข็งและมีแกนนำชุมชนประกาศงดเหล้าเป็นต้นแบบ มีการจัดตั้งชมรมคนหัวใจเพชร เป็นกลุ่มแกนนำเลิกเหล้าร่วมกันขับเคลื่อนชุมชนสู้เหล้า พร้อมขับเคลื่อนงานงดเหล้าอย่างจริงจังเมื่อปี 2562 โดยบูรณาการร่วมกันในทุกประเด็น ตั้งแต่ ความเชื่อ ประวัติศาสตร์ งานสุขภาพ ปัญหาเด็กเยาวชน ศิลปะวัฒนธรรมและงานกลไกนโยบายจนมีการขยายเครือข่ายเป็นที่รู้จัก
ผลของการขับเคลื่อนชุมชนสู้เหล้าอย่างเข้มแข็ง ปัจจุบันมีคนร่วมปฏิญาณตนงดเหล้าในพื้นที่ชุมชนเมืองเวียงสระ จำนวน 111 คน และมีคนเลิกเหล้าตลอดชีวิตจำนวน 45 คน โดยจะยังคงขับเคลื่อนและขยายเครือข่ายคนงดเหล้าอย่างต่อเนื่อง อนึ่ง ประเทศไทยเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นอย่างมาก
โดยข้อมูลล่าสุดขององค์การอนามัยโลกรายงานว่า ในปี พ.ศ. 2559 ประชากรไทยบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คิดเป็นปริมาณเอธานอลบริสุทธิ์เท่ากับ 8.3 ลิตร ต่อหัวประชากรต่อปี นอกจากนี้ข้อมูลยังระบุว่าประชากรไทย 10,009 คนตายด้วยโรคตับแข็ง 6,759 คนตายด้วยอุบัติเหตุจราจรทางถนน และ 5,680 คนตายด้วยโรคมะเร็งที่มีสาเหตุสัมพันธ์กับแอลกอฮอล์ และชายไทยร้อยละ 10 และหญิงไทย ร้อยละ 0.9 ป่วยด้วยภาวะความผิดปกติจากการดื่มสุรา