เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2564 นายสมคิด จันทมฤก อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เปิดเผยถึงการจัดงาน OTOP ศิลปาชีพ ประทีปไทย OTOP ก้าวไกลด้วยพระบารมี ประจำปี 2564 ระหว่างวันที่ 30 กันยายน – 9 ตุลาคม 2564
เพื่อเฉลิมพระเกียรติและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่มีต่อการอนุรักษ์และสืบสานภูมิปัญญาของคนไทย ภายใต้โครงการส่งเสริมศิลปาชีพและมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ
ในการส่งเสริมให้พี่น้องประชาชนได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีรายได้จากงานฝีมือ ด้านหัตถศิลป์ หัตถกรรม ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มพูนนอกเหนือจากการทำเกษตรกรรม และในปีนี้ การจัดงาน “ศิลปาชีพประทีปไทย OTOP ก้าวไกลด้วยพระบารมี”
กำหนดจัดขึ้นในรูปแบบผสมผสาน หรือ Hybrid ประกอบด้วยการจัดงานในรูปแบบ Online หรือ Virtual Event หรือที่เรียกว่า รูปแบบเสมือนจริง และ Onsite เป็นการจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP ระดับ 3 – 5 ดาว และ OTOP ชวนชิม จำนวน 200 ร้านค้า ผ่านทางwww.otop-shopping.com”
และกรมการพัฒนาชุมชน ก็ยังมี OTOPTODAY.COM ในการขายสินค้าในช่องทางออนไลน์ และแพลตฟอร์ม Tour Form Home และในพื้นที่ของห้างสรรพสินค้า รอบกรุงเทพมหานคร รวม 3 แห่ง ได้แก่ โซนแบงค์กิ้ง ชั้น 1 ศูนย์การค้าเมกาบางนา, เมืองสุขสยาม ชั้น G ไอคอนสยาม และ ลานโปรโมชั่น ชั้น 1 ศูนย์การค้าเจเจมอลล์ โดยการจัดงานทั้ง 3 แห่ง
ตามที่รัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการพัฒนาชุมชนเป็นเจ้าภาพหลักในการบูรณาการกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการผลิตภัณฑ์ OTOP เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยเฉพาะผ้าไทย เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสืบสานภูมิปัญญาการพัฒนายกระดับผลิตภัณฑ์ OTOP ให้มีมาตรฐานสูงขึ้น
โดยตลอด 9 วันที่ผ่านมามีพี่น้องประชาชนให้ความสนใจเข้าเยี่ยมชมและเลือกซื้อสินค้าภายในงานทั้ง 3 แห่ง จำนวน 334,686 คน และเข้าชมเว็บไซต์ จำนวน 175,132 คน แม้ว่าจะมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แต่ทางกรมการพัฒนาชุมชน มีมาตรการป้องกันอย่างเข้มข้น
โดยเรามีการคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิ แจกเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ และสแกนแอปพลิเคชันไทยชนะ รวมถึงมีมาตรการเว้นระยะห่าง ทำความสะอาดพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ เพื่อฆ่าเชื้อโรคทั่วทั้งบริเวณงานทุกวัน
เพื่อให้ผู้ที่มาเที่ยวงาน “ศิลปาชีพ ประทีปไทย OTOP ก้าวไกลด้วยพระบารมี ปี 2564” รู้สึกปลอดภัยและเป็นการเที่ยวงานแบบวิถีใหม่ New Normal ทำให้การจัดงานครั้งนี้ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีทั้งในด้านกระแสความชื่นชม ในภูมิปัญญา อัตลักษณ์อันงดงาม สร้างยอดขายรวมตลอดทั้ง 9 วัน
แยกเป็น จัดงานในห้างสรรพสินค้ามียอดจำหน่าย 18,006,706 บาท และจำหน่ายออนไลน์ (www.otop-shopping.com) ยอดจำหน่าย 1,303,995 บาท รวมจำนวนทั้งสิ้น 19,310,701 บาท
ทั้งนี้ สินค้า OTOP ที่มียอดจำหน่ายสูงสุดใน 5 อันดับแรก ในงาน OTOP ศิลปาชีพ ประทีปไทย OTOP ก้าวไกลด้วยพระบารมี ได้แก่ อันดับหนึ่งคือ ประเภทผ้าและเครื่องแต่งกาย คิดเป็นมูลค่า 12,990,630 บาท อันดับสอง ประเภทของใช้ OTOP ชวนชิม คิดเป็นมูลค่า 1,811,075 บาท
อันดับสาม ประเภทอาหาร คิดเป็นมูลค่า 1,519,296 บาท อันดับสี่ ประเภทของใช้ ของตกแต่ง ของที่ระลึก คิดเป็นมูลค่า 763,275 บาท และอันดับห้า ประเภทสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร คิดเป็นมูลค่า 593,180 บาท ตามลำดับ สร้างยอดการจำหน่วยให้กับผู้ประกอบการได้มากกว่า 19,310,701 บาท
จากการที่กรมการพัฒนาชุมชน ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จฯ ที่ทรงพระกรุณาสนับสนุน ประทานลายผ้าพระราชทาน “ผ้ามัดหมี่ลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ”
ด้วยพระดำริที่จะรักษาและสานต่อพระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการอนุรักษ์และพัฒนาผ้าไทยให้คงอยู่คู่แผ่นดินไทย
โดยทรงวางแนวทางให้ชาวบ้านต่อยอดผลงานพัฒนาผลิตภัณฑ์เดิมเพื่อเพิ่มมูลค่า เป็นการส่งเสริมให้ผ้าไทยได้รับความนิยมมากขึ้น สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้ผู้ผลิต ผู้ประกอบการเพิ่มมากขึ้น สร้างรายได้กลับเข้าสู่ชุมชน
“ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกท่านที่มาให้กำลังใจและให้การสนับสนุนสินค้า OTOP ของไทย ซึ่งกระทรวงมหาดไทย โดย กรมการพัฒนาชุมชน มีความตั้งใจจะส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนฐานรากให้มีความเข้มแข็ง เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศให้มากยิ่งขึ้น
การจัดงาน “ศิลปาชีพประทีปไทย OTOP ก้าวไกลด้วยพระบารมี ปี 2564” ในครั้งนี้ยังเป็นการขานรับนโยบายของรัฐบาล ในการร่วมสนับสนุนผลิตภัณฑ์ OTOP จากผู้ผลิต ผู้ประกอบการ สินค้า OTOP ในชุมชนหมู่บ้านมีรายได้กระจายไปทั่วประเทศ และยังเป็นการยกระดับสินค้าให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
โดยการสร้างโอกาสให้ชุมชนได้นำสินค้าที่มีคุณภาพออกสู่ตลาด ทั้งออนไลน์ และการจำหน่ายภายในงาน ทั้งนี้กรมการพัฒนาชุมชน ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาสินค้า OTOP ในทุกมิติ เพื่อสนับสนุนการสร้างงาน สร้างรายได้สู่ชุมชนหมู่บ้านทั่วประเทศ เสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง มั่นคง ยั่งยืน” อธิบดี พช. กล่าว.